Miracle Throne ศึกบัลลังก์เทพเจ้า - ตอนที่ 76 กระดิ่งคุมวิญญาณ
จำนวนของสมบัติฝังอยู่ในสุสานโบราณมีมากมายนับไม่ถ้วน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถรับเอาทั้งหมด คนหนึ่งสามารถกัดได้หนึ่งคำ ถ้ามากกว่านั้นหรือพวกเขายังจะสามารถเคี้ยวได้ หนึ่งคนรับเพียงสิ่งที่พวกเขาต้องการถ้ากว่านั้นอาจจะอันตรายถึงตาย
ชายชราสวมหน้ากากหยิบเอากระดาษเก่า ๆ แผ่นหนึ่งออกมา
“นี่เป็นแผนที่คร่าวๆ สุสานโบราณ ตราบเท่าที่เราเดินตามเส้นทางที่ทำเครื่องหมายไว้ เราจะสามารถหลีกเลี่ยงกับดักที่เป็นอันตรายที่สุดได้”
“แล้วเรากำลังรออะไรอยู่ เราไม่มีเวลาให้เสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
พื้นที่ของสุสานโบราณมีขนาดใหญ่มาก มีกว่าสองร้อยเครื่องหมายบนแผนที่ มีหลายเส้นทางที่ลึกลับซับซ้อนและทำเครื่องหมายไว้ ถ้าพวกเขาไม่มีแผนที่ ใครจะรู้ว่าจะต้องนานใช้เวลาแค่ไหนถึงจะบรรลุจุดหมาย
สุสานโบราณจะเปิดแค่สองวัน
บนถนนที่พวกเขาเดินมีอสูรปีศาจหยินจำนวนมากทั้งหมดมีร่างกายสีดำไม่มีแม้ตัวเดียวที่มีสีขาว หากไม่เพราะการผนึกพลังของสุสานโบราณ อสูรปีศาจหยินเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด พวกเขาจะต้องผจญกับอุปสรรคอันหนักหน่วง เกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ชี่ ชี่ ชี่ ชี่
หยุนเหย่าใช้ผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าปลดปล่อยพลังสังหารอสูรปีศาจหยินเหล่านี้ และรีบให้ฉู่เทียนเก็บแกนพลังอสูรปีศาจหยินสีดำทันที ฉู่เทียนไม่ลังเลเขาเก็บทีละตัว แต่ขณะที่เขากำลังจะเก็บแกนอสูรปีศาจหยินเพื่อใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ รังสีกระบี่สีแดงเลือดกวาดมาทางด้านขวามือ ฉู่เทียนรีบดึงมือของเขากลับมา คมกระบี่จึงตัดผ่านสู่พื้นดิน
อันตรายเกินไป
ถ้าเขาช้าไปสักวินาทีเดียวเขาจะต้องสูญเสียแขนของเขาไปแล้ว
ข่ายเตียมองไปที่หยางเซินอย่างโกรธจัดและกล่าวว่า “เจ้าสารเลวเจ้าลอบโจมตีฉู่เทียน”
หยางเซินถือกระบี่ของเขาในขณะที่เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า
“เจ้าถือเอาสิ่งที่เจ้าไม่ควรเอา ตัดมือของเจ้านับว่าเป็นการลงโทษที่เบาที่สุดแล้ว”
“เจ้าลูกสำส่อนนี่พยายามจะขโมยของๆ เรา”
“เจ้าเด็กสารเลวรีบคืนแกนอสูรปีศาจหยินออกมาเดี๋ยวนี้”
กลุ่มหยางเซินล้อมรอบเข้ามา
ฉู่เทียนเผชิญหน้ากับทั้งห้าคนและพูดอย่างไม่สนใจว่า
“ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ทุกอย่างที่กลุ่มเก็บเกี่ยว ครึ่งหนึ่งจะเป็นของข้าและอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นของพวกเจ้า”
หยางเซินโกรธมาก “ทำไมเจ้าลูกอสำส่อนย่างเจ้าถึงจะได้รับครึ่งหนึ่ง”
ฉู่เทียนยิ้มเย้ยและกล่าวว่า “เงื่อนไขนี้เป็นข้อตกลงที่ผู้อาวุโสหน้ากากทองทำไว้กับข้า ผู้อาวุโสหน้ากากคงไม่คิดทำลายสัญญาเพียงเพราะแค่แกนพลังไม่กี่อันนี้หรอกกระมัง”
แกนอสูรปีศาจหยินสีดำแต่ละตัวสามารถแลกกับยาทิพย์
กลุ่มของหยางเซินจะไม่โกรธได้อย่างไร
ปกติพวกเขามักจะเป็นฝ่ายปล้นคนอื่น เป็นฝ่ายที่ถืออำนาจเหนือกว่า ไม่เคยสูญเสียสิ่งใดของพวกเขา แล้วพวกเขาจะปล่อยให้เจ้าเด็กขนอ่อนเบื้องหน้าใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างไร
ชายชราสวมหน้ากากเผยสีหน้าเจ็บปวด แต่เขาก็ยังพยักหน้า “แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“ดี..ดีมาก ตาเฒ่าพวกเราตัดสินใจที่จะช่วยท่าน และนี่คือวิธีที่เจ้าตอบแทนพวกเรา ลูกสำส่อนตัวน้อยที่แกล้งทำเป็นแข็งแกร่ง ถ้าไม่มีผู้หญิงคอยปกป้องบิดา คงจะตัดมันครึ่งตัวไปนานแล้ว”
หยุนเหย่ามองด้วยสายตาเย็นชาที่ห้ามือกระบี่ ในหัวใจของเธอเธอกำลังเรียกพวกเขาว่าห้ามือกระบี่หน้าโง่
หยางเซินจ้องที่ชายชราสวมหน้ากากแล้วตะโกนว่า
“ท่านเป็นคนของอาณาจักรโจวที่ยิ่งใหญ่ แต่ท่านไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ท่านไม่กลัวที่จะทำลายศักดิ์ศรีของท่านหรอกเหรอ”
“หุบปาก” ชายชราสวมหน้ากากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกเราตกลงเงื่อนไขกันแล้ว ตราบเท่าที่เราออกจากสุสานโบราณได้ แล้วข้าจะจ่ายให้เจ้าตามสัญญา เจ้าจะได้รับเต็มราคาไม่น้อยกว่าที่ตกลงกันไว้แม้แต่ทองแดงเดียว แต่ตอนนี้จงทำตามที่ข้าสั่ง สิ่งใดที่ข้าตัดสินใจไปแล้วย่อมถือเป็นอันสิ้นสุด”
หยางเซินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ความโลภของพวกเขาไม่มีขอบเขต แกนพลังสีดำที่มีคุณค่าเช่นนี้ถูกฉู่เทียนเก็บไป ในขณะที่พวกเขาไม่สามารถ จะไม่ให้พวกเขาอิจฉาและโกรธจัดได้อย่างไร
พวกเขาไม่ทราบว่าเป็นยาชนิดใดที่ชายชราสวมหน้ากากทองกินเข้าไป
ทำไมเขาถึงมีท่าทีที่สุภาพและเกรงใจเจ้าเด็กประหลาดนี่ถึงขนาดนี้
กลุ่มของพวกเขาเดินผ่านแปดตำหนัก สามารถสังหารอสูรปีศาจหยินสีดำถึง 200 ตัว
ในเวลานั้นเอง…..เปลวไฟปีศาจวิ่งเข้ามาหาหน้าชายชรา
“ผู้อาวุโสมีหน้าผาอยู่ข้างหน้า”
ชายชราสวมหน้ากากยกมือขึ้น “ทุกคนพักที่นี่ก่อนสักหน่อย”
ฉู่เทียนถามอย่างเฉื่อยชาว่า “ทำไมเราถึงต้องหยุดพัก”
ชายชราสวมหน้ากล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “เมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าจะรู้เอง”
ความมืดมิดยามค่ำคืนเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ในหมอกหนาทึบเป็นกำแพงสีดำยักษ์ยื่นออกมาข้างหน้าพวกเขา เช่นเดียวกับสัตว์ปีศาจโบราณที่ถูกผนึกไว้ ปลดปล่อยความกดดันอันกว้างใหญ่ให้กับผู้คน
นี่เป็นหน้าผาสูง 100 เมตรสูงชัน 90 องศา
ผนังหน้าผาแขวนโลงศพกว่าพันศพ
โลงศพเหล่านี้ล้วนมีสีดำ มีลวดลายแปลกประหลาดสลักจารึกไว้ทุกโลง แสงสีแดงโชนแสงสาดส่องออกมาจากพวกมัน เหมือนกับชั้นของเกล็ดเลือดถูกห่อไว้รอบ ๆ
แต่ที่แปลกก็คือแม้จะมีโลงศพจำนวนมาก กลับมีพลังลึกลับที่แข็งแกร่งบางอย่าง ที่ทำให้โลงศพทั้งหมดแขวนลอยอยู่กลางอากาศ
โลงศพแขวนลอยอยู่กลางอากาศเป็นเวลานับหมื่นปี ด้วยรูปแบบที่น่าสะพรึงกลัว น่าตื่นตระหนกตกใจและสยองขวัญ ทุกคนที่เห็นมันจะได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้ง
ชายชราสวมหน้ากากพึมพำเบา ๆ “นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในสุสานโบราณ ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้า”
ความโศกเศร้าเสียงคร่ำครวญของปีศาจ ถูกผนึกไว้ที่หน้าผาด้วยรูปแบบเวทย์จารึกลึกลับ ราวกับว่าพวกมันตกอยู่ในกฎบัญญัติที่แปลกประหลาด ทำให้โลงศพทั้งหมดมาร่วมกันที่นี่ แผ่กลิ่นอายแห่งความตายที่หนาแน่น ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปอยู่ในจุดที่ใกล้พวกมัน แม้จะยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา ก็ยังเกิดความรู้สึกอึดอัด ขนพองสยองเกล้าจนแทบหายใจไม่ออก
ฉู่เทียนกล่าวอย่างแปลกใจว่า “นี่เป็นรูปแบบเวทย์จารึกกับดักอสูรปีศาจ”
ชายชราหันมามองฉู่เทียนและพยักหน้าน้อย ๆ อย่างพอใจ……
“สายตาเจ้านี่ดี นี่เรียกว่า ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้า ซึ่งเป็นค่ายกลเวทย์อันทรงพลังและเก่าแก่มาก”
ชายชราสวมหน้ากากดูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ค่ายกลนี้อันตรายอย่างยิ่งเราต้องระมัดระวัง ในแต่ละขั้นตอนถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว เรามีโอกาสที่เราจะตื่นขึ้นอีกครั้งและนอนหลับอยู่ในโลงบนหน้าผาแล้ว”
หยุนเหย่าสามารถรู้สึกได้ว่าอสูรปีศาจหยินที่ถูกปิดผนึกอยู่ในโลงศพลอยฟ้า ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็ก ๆ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าอสูรปีศาจหยินสามัญที่เดินอยู่เบื้องล่างแน่ ๆ
แม้ว่าโลงศพที่มากมายและหนาแน่นพวกนั้น
จะอยู่ไกลออกไป
หยุนเหย่ายังสามารถรู้สึกถึงความกดดันที่ปล่อยออกมาจากโลงศพ ซึ่งเป็นกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญที่กดขี่ครอบงำ น่ากลัวและน่าขนพองสะยองเกล้าอย่างที่สุด
ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้าช่างเป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัว ตลอดชีวิตของเธอนี่เป็นฉากที่น่าตื่นเต้นปนสยองขวัญที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
หยุนเหย่าขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วเราจะสามารถก้าวผ่านค่ายกลเวทย์ปีศาจนี้ไปได้อย่างไร”
ชายชราสวมหน้ากากให้ถอนหายใจ “จนถึงบัดนี้ยังไม่เคยมีใครเคยผ่านค่ายกลเวทย์นี้ไปได้ ทั้งไม่มีเส้นทางอื่นสำหรับเรา เราสามารถทดลองเสี่ยงโชคของเราและผ่านขั้นตอนค่ายกลนี้ไปให้ได้ทีละขั้น”
“ลองเสี่ยงโชคเหรอ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะท่าน”
“สถานที่ที่ไม่มีใครเคยผ่านได้ และท่านต้องการจะให้พวกเราพยายาม แล้วจะทำได้อย่างไร”
ทุกคนต่างก็แสดงออกแปลกๆ โดยเฉพาะพี่น้องของหยางเซินพวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังถูกหลอกลวง
ฉู่เทียนสังเกตการณ์แถวโลงศพอย่างละเอียด
“อาจจะไม่ถึงกับเป็นปัญหาหนักมากนัก จากที่ข้าสังเกตโลงศพที่ลอยอยู่ มันลอยในรูปแบบของผังแห่งดวงดาวและดวงจันทร์ ข้าแค่ต้องการค้นหาเส้นทางที่ซ่อนอยู่แถวนี้”
ทุกคนตกใจ
เขาสามารถมองผ่านค่ายกลเวทย์นี้ได้จริงหรือ
ชายชราสวมหน้ากากทองถามว่า “เจ้าสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะไม่ยากนะ” ฉู่เทียนหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “แต่เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ข้าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”
หยางเซินเยาะเย้ยกล่าวว่า “ค่ายกลเวทย์ที่นิกายโบราณได้ใส่พลังทั้งหมดของพวกเขาในการสร้าง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของรัฐกลาง ยังไม่กล้าที่จะบอกว่าพวกเขาสามารถแก้ได้ ส่วนเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร หยุดสร้างความอับอายให้ตัวเองได้แล้ว”
ชายชราสวมหน้ากากทองกล่าวว่า “หรือเจ้าสามารถเปิดได้”
ใบหน้าของหยางเซินหมองคล้ำขณะพูดว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราห้าพี่น้องได้ไว้หน้าแก่ท่านไม่น้อย แต่ท่านยังคงเข้าข้างเจ้าเด็กเหลือขอนี่ ท่านคิดว่าเราห้าพี่น้องเป็นตัวอะไร”
ชายชราที่สวมหน้ากากขมวดคิ้วและพูดว่า “ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้า เป็นค่ายกลที่อันตรายอย่างยิ่ง มันยากที่จะจินตนาการถึงผลที่ตามมาของการเดินผ่านอย่างสะเปะสะปะ ถ้าสหายน้อยคนนี้มีความมั่นใจในการแก้ปัญหานี้ ทำไมเราไม่ยอมให้เขาลอง แน่นอนว่าถ้าเจ้าพี่น้องห้าคนเต็มใจที่จะเป็นผู้นำทางครั้งนี้ข้าก็จะไม่คัดค้านเช่นกัน”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าว
หยางซานทันก็เงียบทันที
ชายชราสวมหน้ากากไม่แน่ใจ แต่เขารู้สึกมั่นใจในเรื่องนี้มาก ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่สามารถวัดได้ด้วยสามัญสำนึกธรรมดาทั่วไปได้
การวิ่งเข้าไปอย่างสะเปะสะปะก็อันตรายเกินไป
ฉู่เทียนสังเกตค่ายกลเวทย์อย่างรอบคอบ
ค่ายกลเวทย์โบราณนี้มีรูปแบบที่ไม่ธรรมดา แต่ฉู่เทียนที่มีความรู้จาก 30000 ปีในอนาคต ยังสามารถสังเกตความนัยบางอย่างได้ไม่ยาก ในสายตาของเขาค่ายกลเวทย์นี้ยังคงเป็นระดับพื้นฐานอยู่ดี เมื่อพบข้อบกพร่องแล้วเขาจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ในเวลานั้นเอง
มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังพวกเขา “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเฒ่าหน้ากาก อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนอย่างพวกเจ้าจะผ่านไปได้”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
มีเสียงกระดิ่งดังแจ่มชัดเข้ามา เสียงเบาราวกับว่ามันเลื่อนลอยรอบตัว แต่ในขณะเดียวมันกลับดังอย่างชัดเจนในหูของพวกเขา มันมีพลังที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของผู้คนทำให้คนรู้สึกว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
“กระดิ่งคุมวิญญาณ” สีหน้าของชายชราสวมหน้ากากเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
“หยางคุน เจ้า… เจ้าได้”
“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าสามารถได้สิ่งนี้มาใช่หรือไม่”
หยางคุนเดินเข้ามาช้า ๆ ในมือของเขาถือกระดิ่งโบราณ มันมีขนาดประมาณครึ่งกำปั้นมันดูธรรมดา แต่มันก็มีกลิ่นอายโบราณลึกลับ
ปรากฏร่างร้อยอสูรปีศาจหยินปกคลุมด้วยขนสีดำดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยแสงสีเขียวเรืองเดินช้า ๆ ล้อมรอบกลุ่มพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนอีก 10 คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ หยางคุนเมื่อชายชราสวมหน้ากากมองทีละคน ใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้น เมื่อรู้สึกว่าแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
เฒ่าชราคนหนึ่งถือไม้เท้าเดินออกมาแล้วกล่าวว่า
“เจ้าเฒ่าหน้ากาก เจ้าไม่ยอมใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในอาณาจักรโจว แต่กลับกระเสือกกะสนมายังอาณาจักรหนานเซี่ย เพื่อเผชิญกับความยากลำบากเช่นนี้ ที่นี่เป็นสมบัติของอาณาจักรหนานเซี่ยของข้า ไม่มีส่วนแบ่งสำหรับคนต่างอาณาจักรเช่นเจ้า”
แววตาของชายชราสวมหน้ากากสีเรืองแสงสีม่วง เขากำลังใช้เทคนิคบางอย่างตรวจสอบชายเฒ่าชราคนนี้ พลังของผู้เฒ่าคนนี้อยู่ในอาณาจักรจิตวิญญาณระดับ 3
“ข้าขอถามท่านผู้อาวุโส เป็นยอดฝีมือจากเส้นทางใด”
“ชื่อของเราผู้เฒ่าคือกู่หยุน”
กู่หยุน สีหน้าของของหยางเซินซีดเผือด เฒ่ากู่หยุนถูกยกย่องว่ามีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณและเวทย์จารึกเขาเป็นนักบ่มเพาะที่มีชื่อเสียงในรัฐกลาง
“เจ้าลัทธิจิตวิญญาณกู่หยุน ข้าไม่คิดว่าจะเป็นท่าน”
ดวงตาของชายชราสวมหน้ากาก ทอดมองที่ชายวัยกลางคนที่ยืนข้างหยางคุน คนนี้มีรูปร่างสูง หน้าซีดบนบนไหล่ของเขามีสัตว์อสูรปีศาจหน้าตาเหมือนลิงตัวหนึ่ง ร่างของเขาล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายแปลกๆ
“ท่านนี้น่าจะเป็นยอดฝีมือฮ่าวเชียงหยิน”
ชายวัยกลางคนยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย แววเขาตาของเขาทอดมองมาอย่างไม่แยแส และเขาไม่ได้พูดอะไร
ชายชราสวมหน้ากากถอนหายใจลึกๆ
ความแข็งแกร่งของหยางคุนมีมากเกินพอแล้ว เมื่อพูดถึงการดวลในสุสานโบราณอาจจะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ นอกจากนี้เขายังได้รับความช่วยเหลือจากกู่หยุนและฮ่าวเชียงหยินไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงสามารถผ่านกับดักมากมายในหลุมเก็บศพและได้รับกระดิ่งคุมวิญญาณ
กู่หยุนมีพลังบ่มเพาะขั้นปลุกจิตวิญญาณระดับ 3 เขาไม่ด้อยกว่าชายชราหน้ากากทองหรือว่านหวู่หยี
วัยกลางคนฮ่าวเชียงหยินมีพลังบ่มเพาะในอาณาจักรจิตวิญญาณระดับ 2 แต่พลังการต่อสู้เขาก็ไม่สามารถมองข้ามได้
ลิงตัวเล็ก ๆ ตัวนี้เป็นสัตว์สัตว์ที่ถูกเรียกว่า “อสูรปีศาจผลาญวิญญาณ” มันเป็นมรดกที่สืบทอดกันมาของตระกูลฮ่าว เป็นสัตว์อสูรที่ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นเวลา 200 ปี กระบวนการบ่มเพาะทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็มีความหลากหลายมากสามารถนำมาใช้เพื่อทำลายความชั่วร้ายใด ๆ ที่อยู่ใต้ฟ้าใต้สวรรค์ได้
ปู่ทวดของฮ่าวเชียงหยินเริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวสัตวอสูรตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน และมันได้ถูกส่งต่อมายังรุ่นของฮ่าวเชียงหยิน และตอนนี้ความสามารถของสัตว์อสูรร้ายนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยพลังของมันในมือของฮ่าวเชียงหยินเขาจะสามารถเดินผ่านสุสานโบราณได้เหมือนเดินในบ้านของตัวเอง
ด้วยความแข็งแกร่งของหยางคุนที่มีมากมายเกินมนุษย์
ด้วยความชำนาญของกู่หยุนเกี่ยวกับความรู้ด้านจิตวิญญาณ
ฮ่าวเชียงหยินกับสัตว์ร้ายที่สามารถต่อต้านทำลายความชั่วร้ายของเขา
นอกจากนี้ยังมีนักบ่มเพาะที่แข็งแกร่งสิบกว่าคนและทหารอสูรปีศาจหยินอีกหนึ่งร้อย ความแตกต่างในกำลังรบ มีช่องว่างที่ใหญ่มากเกินไป มันเป็นความแตกต่างของสวรรค์และโลกอย่างแท้จริง
หยุนเหย่ามองไปที่กลุ่มหยางคุนด้วยสายตามืดมน “พวกท่านกำลังวางแผนจะทำอะไร”
“สายฟ้าม่วงหยุนเหย่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ” คุณหยางคุนมีสีหน้าพอใจ
“บิดาไม่ต้องเสียเวลาตามหาของสมบัติของเจ้า ส่งมันมาให้ข้าไปหมดบิดาจะให้ความตายแก่เจ้าอย่างไม่เจ็บปวด”
ชายชราสวมหน้ากากทองเสียงแหบ “ท่านต้องการที่จะฆ่าพวกเรา ท่านคิดถึงผลน่ากลัวที่จะตามมาหรือไม่”
“ผลที่ตามมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
หยางหยันยกระดิ่งโบราณสูงขึ้นใบหน้าของเขามีลักษณะที่บ้าคลั่ง
“กระดิ่งคุมวิญญาณอยู่ในมือของข้า ข้าสามารถควบคุมร้อยอสูรปีศาจหยินดำ พวกมันแต่ละตน มีพลังบ่มเพาะในอาณาจักรจิตวิญญาณระดับ 3 เมื่อกองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในมือข้า ไม่ต้องพูดถึงในอาณาจักรหนานเซี่ย แม้แต่อาณาจักรใหญ่ ๆ ตราบใดที่พวกเขายังไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ ยังจะมีใครสามารถต่อต้านข้าได้ ”
กระดิ่งคุมวิญญาณเป็นสมบัติล้ำค่าจริง ๆ
ใครจะคิดว่ามันจะตกอยู่ในมือหยางคุน
ห้ากระบี่หยางเซินมีสีหน้าหวาดกลัวรีบกล่าวว่า
“ท่านผู้อาวุโสหยางคุนพวกเราห้าพี่น้องไม่กล้าที่จะกลายเป็นศัตรูของท่าน ขอนายท่านโปรดเมตตา เราห้าพี่น้องจะให้ทุกสิ่งที่เรามี และจะทำตามคำสั่งของนายท่านอย่างเคร่งครัด”
“ห้าสุดยอดกระบี่แห่งรัฐกลาง” หยางคุนมือถูคางเบาๆ “พวกเจ้ายังพอมีทักษะอยู่บ้างเล็กน้อย แม้ว่าข้าจะมีกระดิ่งคุมวิญญาณเพื่อควบคุมซากอสุภะหนึ่งร้อยเหล่านี้ แต่ข้าก็ยังขาดแคลนกำลังคนที่มีชีวิตเพื่อช่วยข้าในเรื่องต่าง ๆ เอาล่ะข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า”
ชายชราสวมหน้ากากเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกเจ้าช่างน่ารังเกียจนัก”
“ขอบคุณนายท่านหยางคุน” หยางเซินมีท่าทางร่าเริง ทันทีที่เขาละทิ้งอีกฝังและวิ่งไปหาหยางเซิน และอย่างไม่ลังเลที่จะทรยศต่อพวกเขาด้วยการพูดว่า
“ท่านผู้เฒ่าพวกเขามีดาบเพลิงปีศาจอเวจีและผลึกจิตวิญญาณสายฟ้า”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณสวรรค์เบื้องบนที่อยู่เคียงข้างข้า” สีหน้าหยางคุนของเต็มไปด้วยความโลภ
” ด้วยสมบัติเหล่านี้ และความมั่งคั่งของเฒ่าหน้ากากเราสามารถเริ่มต้นเปิดนิกายที่ยิ่งใหญ่ของเราเอง เราจะสามารถกลายเป็นนิกายที่มีชื่อเสียง ไม่จำเป็นต้องเป็นนักผจญภัยเร่ร่อนไร้สังกัดอีกต่อไป”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ทั้งกู่หยุนและฮ่าวเชียงหยินเปิดเผยใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ
ทำไมทั้งสองจึงช่วยหยางคุน
ไม่ใช่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้หรอกเหรอ
ห้าสุดยอดกระบี่แห่งรัฐกลางเป็นโจรพเนจรที่ชั่วร้าย แต่เดิมโจรพวกนี้เป็นเพียงกลุ่มโจร ถึงพลังพวกเขาจะไม่น่ากลัวแต่ก็ไม่สามารถประมาทได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยากที่จะจัดการพวกเขา แต่สำหรับคนอื่น ๆ … ทุกคนคงต้องตาย
ข่ายเตี่ยและหยุนเหย่าต่างก็สิ้นหวัง
ด้านหน้าของพวกเขาคือหยางคุนและกลุ่มของเขา ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคือค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้า
ความแข็งแกร่งของหยางคุนมีมากเกินไป
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเขา
ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในสุสานโบราณ ค่ายกลเวทย์อสูรปีศาจลอยฟ้ากับชื่อที่เป็นลางร้ายของมัน เป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านที่ละขั้นตอนอย่างช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องพูดถึงการวิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว
ไม่มีเส้นทางให้เดินต่อไปข้างหน้า และไม่มีเส้นทางให้พวกเขาถอยหลังกลับ
ก้าวไปข้างหน้าหรือถอยไปข้างหลัง ก็เลวร้ายพอๆ กัน
ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีจากความตายไปได้
หยุนเหย่าและชายชราสวมหน้ากากทองมีสีน้าเคร่งขรึมในใจของพวกเขากำลังคร่ำครวญอย่างหมดหวัง
“ตั้งใจฟังให้ดี” ในเวลานี้ฉู่เทียนพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำลึก บอกกับทุกคนในกลุ่มว่า
“พวกเรายังมีโอกาสที่จะรอดชีวิต พวกท่านตามข้ามาและอย่าประมาทถ้าพวกท่านทำผิดพลาดแม้แต่ก้าวเดียวทุกอย่างจะจบสิ้น โปรดจำไว้
ว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะหลบหนีไปได้”
ฉู่เทียนย้ำกับทุกคน………………