Miracle Throne ศึกบัลลังก์เทพเจ้า - ตอนที่ 75 ดาบเพลิงปีศาจอเวจี
ฉู่เทียนใช้ดาบของว่านหวู่หยีเพื่อฟันทดสอบดาบโบราณ เสียงดัง เคร้ง! ดาบว่านหวู่หยีหักทันที ในขณะที่ดาบโบราณไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
ไม่จำเป็นต้องเดาอีกต่อไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือดาบเพลิงปีศาจอเวจีในตำนาน
เมล็ดพันธุ์เปลวเพลิงและดาบเพลิงปีศาจอเวจีเป็นสองในสามสมบัติล้ำค่าของตำหนักอสูรปีศาจ
ฉู่เทียนมีจิตวิญญาณดาบเทพอสูรปีศาจ มูลค่าของดาบเพลิงปีศาจอเวจีสำหรับเขาจึงสูงกว่าผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าและเปลวเพลิงปีศาจมาก
หยุนเหย่าร้องเตือนจากด้านข้างว่า
“อย่าตำหนิข้า แต่ข้าจำเป็นต้องเตือนเจ้า ดาบเพลิงปีศาจอเวจีโบราณเป็นดาบที่ชั่วร้าย ไม่ต้องพูดถึงถ้ามันจะไม่ยอมรับเจ้า แต่ถึงมันจะยอมรับเจ้า เจ้าของดาบเล่มนี้จะค่อยๆ สึกกร่อน พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ที่บ้าคลั่ง ในที่สุดก็จะสูญเสียความเป็นตัวเอง เจ้ารู้อย่างนี้แล้วเจ้ายังต้องการดาบเล่มนี้ไม่”
ฉู่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หยุนเหย่าที่ต้องการเห็นเขาตายก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอกำลังส่งคำเตือนต่อเขา ดูเหมือนว่าท่าทีของเธอเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
อย่างที่หยุนเหย่ากล่าวไว้ ดาบเพลิงปีศาจอเวจีเหมือนกับผลึกจิตวิญญาณสายฟ้า ทั้งสองเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูง ต้องทำสัญญาจิตวิญญาณกับมัน และต้องให้มันยอมรับถึงจะสามารถใช้งานได้
จิตวิญญาณของอาวุธจิตวิญญาณมีจิตสำนึก สามารถเลือกเจ้านายของมันเองได้ เฉพาะคนที่มีความแกร่ง หรือบางอาจคนอาจจะใช้เวลานานในการเข้าควบคุมมัน ถึงจะทำให้อาวุธจิตวิญญาณยอมรับเป็นนายของมันได้
ถ้าดาบเพลิงปีศาจอเวจีไม่ยอมรับฉู่เทียน ฉู่เทียนก็ไม่มีทางใช้มัน
สัมผัสมันเพื่อก้าวล่วงโชคชะตาของเขา
ฉู่เทียนจับด้ามดาบและจิตสำนึกอันเก่าแก่ที่นอนหลับอยู่ภายในดาบเพลิงปีศาจอเวจีถูกปลุกให้ตื่นขึ้นทันที
ความหนาวเย็นเสียดกระดูก เหมือนกับมันไม่ใช่ดาบอีกต่อไป อากาศหนาวเย็นในมิติแห่งยุคน้ำแข็งหลายล้าน ๆ ปี ชิ้นส่วนของเพชรน้ำแข็งที่แข็งแกร่งที่สุด จากการหล่อหลอมก้อนน้ำแข็งหลายหมื่นหลายแสนก้อน ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วเส้นพลัง เส้นชีพจร เส้นลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาราวกับว่ามันกำลังพยายามที่จะทำให้จิตวิญญาณและจิตใจของเขาแข็งตัวและหยุดนิ่ง……..
ฉู่เทียนรู้สึกราวกับว่าเขาได้เข้าไปยังมิติลึกลับ
กระดูกกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่โดยรอบ ๆ เสียงร้องโหยหวนของจิตวิญญาณดังแจ่มชัด จิตวิญญาณชั่วร้ายร่างยักษ์ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ใบหน้าของมันแสดงอาการโกรธเกรี้ยว ทั้งน่าเกลียดและน่ากลัว ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินขาวมันถูกปิดผนึกอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ดูดกลืนดวงวิญญาณรอบ ๆ อย่างตะกระตะกราม
“โอ๊ก….”
เมื่อสังเกตเห็นฉู่เทียนที่เพิ่งเข้ามาจิตวิญญาณดาบที่มีเปลวเพลิงอเวจีท่วมร่างลุกขึ้นยืน ก็ปล่อยเสียงร้องเยาะเย้ยออกมา ปลดปล่อยพลังและยื่นมืออกมาเพื่อคว้าตัวเขา ร้อยหมื่นวิญญาณส่งเสียงโหยหวนคร่ำครวญน่าสะพรึงกลัวมาก
จิตดาบวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
ฉู่เทียนรู้สึกตกใจอย่างมาก
ภาพลวงตาที่เกิดจากอาวุธจิตวิญญาณแข็งแกร่งพอๆ กับการโจมตีทางจิตวิญญาณ
แต่เพราะเป็นเช่นนี้นั่นหมายความว่าดาบเล่มนี้ไม่ใช่ดาบจิตวิญญาณธรรมดา มันสามารถใช้ภาพลวงตาครอบงำผู้ที่คิดครอบครองมัน ซึ่งหมายความว่ามันยังสามารถใช้ภาพลวงตาในการโจมตีศัตรูอื่นเช่นด้วยเดียวกัน
ดาบจิตวิญญาณที่สุดยอดเช่นนี้
บิดาตัดสินใจแล้ว จะต้องครอบครองมันให้ได้
ฉู่เทียนปลดปล่อยจิตวิญญาณปีศาจบรรพกาลออกมา เมื่อจิตวิญญาณดาบเอื้อมมือมาถึงร่างเขา ราวกับว่ามันกำลังสัมผัสกับเหล็กแดงที่ร้อนแรงจนสามารถเผาผลาญนรก มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนรีบปล่อยมือและดึงมือของมันกลับทันที
จิตวิญญาณดาบอเวจีถูกครอบงำด้วยอำนาจกดขี่ที่เป็นอมตะ กลิ้งร่างไปมาร่างกายของมันสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลิ่นอายอันโหดร้ายของมันเริ่มอ่อนแรงลง
ฉู่เทียนเดินเข้าไปทีละก้าว
“เจ้ามาจากไหนข้าไม่รู้ แต่ตอนนี้ข้าเป็นนายของเจ้าแล้ว เจ้าเพียงแค่เชื่อฟังของข้า มิฉะนั้นข้าจะกำจัดเจ้าซะ”
จิตวิญญาณปีศาจบรรพกาลเปิดดวงตาข้างหนึ่ง แต่ว่า…มันเป็นดวงตาเป็นแบบไหนกัน
จ้องมองด้วยดวงตาเพียงข้างเดียว
จิตจำนงและจิตวิญญาณแห่งดาบอเวจีถูกควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จทันที
จิตวิญญาณของอาวุธยอมแพ้เมื่อร่างของมันเลือนหายไปในอากาศ
หลังจากจิตวิญญาณของอาวุธหายไป เสาหินขนาดใหญ่ยังคงปกคลุมด้วยอักษรรูนประหลาดลึกลับ อธิบายถึงเทคนิคการบ่มเพาะที่น่าทึ่ง
‘มันคือวิชาดาบเปลวเพลิงปีศาจอเวจี’
ริมฝีปากฉู่เทียนเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
ดาบเพลิงปีศาจอเวจีไม่ได้เป็นเพียงอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่แข็งแกร่งเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังมีเทคนิควิชาดาบลับที่ใช้สำหรับดาบนี้โดยเฉพาะ หากได้รับการยอมรับจากจิตวิญญาณของอาวุธก็จะได้รับมรดกนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าดาบเพลิงปีศาจอเวจีถูกบังคับเพื่อความเป็นเจ้าของ หรือมันไม่เต็มใจก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับวิชานี้
“ดาบเพลิงปีศาจอเวจี” สามารถนับย้อนกลับไปในยุคบรรพกาลมันได้วิวัฒนาการ มาจากเศษแร่ลึกลับ ดาบผ่านการหล่อหลอมด้วยเทคนิคสูงล้ำ การตบตาที่ไม่สามารถคาดเดาได้โดยไม่มีการรั่วไหลของพลัง แต่ต้องใช้เปลวเพลิงนรกอเวจีเพื่อการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ดาบเพลิงปีศาจอเวจี” มีลักษณะคล้ายกับ “วิชาลับดาบหิมะ” ของว่านหวู่หยีแต่แข็งแกร่งกว่าวิชาลับดาบหิมะอย่างเทียบไม่ติดเนื่องจาก “วิชาลับดาบหิมะ” เป็นเทคนิคการลอบสังหารเพียงอย่างเดียวและมีพลังไม่มากพอ
“ดาบเพลิงปีศาจอเวจี” ไม่ใช่มีแค่ความสามารถในการลอบสังหารอย่างหมดจดเท่านั้น ความสามารถในการเผชิญหน้าก็ยังเหนือกว่า “จิตวิญญาณดาบลับ” ของกระกูลฉู่แห่งรัฐกลางซึ่งถือว่าเป็นศิลปะวิชาดาบที่ยอดเยี่ยมของยุคนี้
อย่างไรก็ตาม “วิชาดาบเปลวเพลิงปีศาจอเวจี” ต้องการทั้งดาบเพลิงปีศาจอเวจีและเปลวเพลิงปีศาจเพื่อฝึกฝน
มันจะกลายเป็นวิถีแห่งดาบที่ไม่เหมือนใครของฉู่เทียน ไม่มีใครสามารถเรียนรู้ได้
ฉู่เทียนได้รับทั้งดาบเพลิงปีศาจอเวจีและวิชาลับเฉพาะของดาบ ซึ่งจะทำให้เขาสามารถเพิ่มพลังโจมตี เมื่อไหร่ที่เขาสามารถเพิ่มอำนาจของจิตวิญญาณดาบ ความแรงแกร่งของมันจะน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่การฝึกเทคนิคการบ่มเพาะใหม่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาจะต้องกลับไปฝึกฝนอย่างช้า ๆ
ฉู่เทียนออกมาจากมิติวิญญาณและสามารถคว้าดาบเพลิงปีศาจอเวจีได้อย่างง่ายดาย
“ดาบเล่มนี้มีทักษะบางอย่าง มันต้องการทำลายจิตวิญญาณของข้า แต่ก็ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะข้าได้ ส่วนเจ้าจงมากับข้า เจ้าไม่สามารถรับผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าจากข้าโดยไม่คิดตอบแทนอะไรได้ ข้ามีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
เสียงของฉู่เทียนนั้นดุร้ายมาก
หยุนเหย่าไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
เพราะเจ้าคนนี้ได้ช่วยเธอไว้ แต่ทัศนคติของเขายังคงน่ารำคาญมาก
หยุนเหย่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังเขา เพราะตอนนี้ถ้าพวกเขาสู้กันดาบเพลิงปีศาจอเวจีจะสามารถทำลายผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย และเธอก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เทียน
เจ้าคนนี้เป็นคนที่น่ารำคาญอย่างแท้จริง แต่อย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ช่วยเธอชีวิตและหยุนเหย่าก็ได้รับผลึกจิตวิญญาณสายฟ้ามาแล้ว และเธอก็ได้แก้แค้นว่านหวู่หยีแล้วด้วยเช่นกัน
“ได้…ข้าจะช่วยเจ้าปิดบัญชีหนี้ผลึกจิตวิญญาณสายฟ้า”
ทั้งสองคนมีอาวุธจิตวิญญาณที่สามารถทำสัญญากับวิญญาณได้อย่างง่ายดาย ในระหว่างทางพวกเขาสามารถฆ่าอสูรปีศาจได้มากมาย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด่านที่สามของสุสานโบราณ
ในห้องโถงสีดำมีโลงศพสีขาวจำนวนหนึ่งร้อยโลง ส่วนใหญ่ถูกเปิดออกแล้ว พื้นโดยรอบก็เต็มไปด้วยอสูรปีศาจแข็งที่ตายแล้ว นี่เป็นฉากที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
“อา…ลู่เหริน” เสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้น “เจ้าก็มาถึงที่นี่แล้ว”
ข่ายเตี่ยสวมเสื้อผ้าที่ทำจากด้ายทอง ขณะที่เธอเดินออกมาจากกลุ่มชายชราสวมหน้ากากกับพี่น้องเปลวเพลิงปีศาจทุกคนนั่งอยู่บนโลงศพ
หือ….
ทำไมถึงมีคน 7-8 คน ซึ่งล้วนเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก
ข้างกายชายชราสวมหน้ากากเป็นผู้บ่มเพาะอีกห้าคน พวกเขาอาจจะเป็นคนที่ได้รับคัดเลือกในระหว่างนี้ แต่ละคนมีพลังฝีมือไม่อ่อนแอ จุดสำคัญอย่างหนึ่งของพวกเขาคือทั้งห้าคนใช้กระบี่ยาว
ผู้นำของพวกเขาเป็นคนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มอายุ 25-26 ปีสวมชุดเกราะสีทองมือของเขาถือดาบยาวสีแดงเข้ม ผมสีแดงเป็นทรงสูงมีกลิ่นอายที่รุนแรงราวกับมีเปลวไฟล้อมรอบตัวเขา
คนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในอาณาจักรจิตวิญญาณระดับ 2
“เจ้ามาช้าข้าเกือบจะคิดว่าเจ้าตายในสองด่านแรกซะแล้ว”
ชายชราสวมหน้ากากแสดงออกอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อดวงตาของเขาลดลงและเห็นหยุนเหย่าก็กลายเป็นความหวาดกลัว
“สายฟ้าม่วงหยุนเหย่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่”
ฉู่เทียนไม่ตอบคำถาม แต่เขามองไปที่คนทั้งห้าที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่แล้วถามว่า
“คนเหล่านี้เป็นใคร”
“พวกเขาเป็นคนที่ข้าเชิญมาเพื่อช่วยเหลือ” ชายชราสวมหน้ากากอธิบายอย่างละเอียดว่า “ทั้งห้าคนเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง”
“ห้าสุดยอดกระบี่แห่งรัฐกลาง คนผมแดงคือกระบี่โลหิตคลั่งหยางเซิน เขาช่ำชองในการฆ่ามีฝีมือที่เหี้ยมหาญและโดดเด่น”
ฉู่เทียนพยักหน้ารับ
ชายชราสวมหน้ากากไม่โง่
เขารู้ว่าราชาอสูรปีศาจหยินแข็งแกร่งมาก และด้วยเงื่อนไขที่เขาไม่รู้ เขากลับสามารถหาผู้ช่วยที่แข็งแกร่งเพิ่มมาได้ถึงห้าคน
ชายชราหันไปหาคนห้าคนแล้วกล่าวว่า
“สหายน้อยคนนี้เป็นคนที่เรารอคอย ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วดังนั้นพวกเรา … ”
“เพ้ย…” ใบหน้าของชายหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
“เจ้าทำให้เราต้องรอนานขนาดนี้ สำหรับคนฝีมือเล็กน้อยอย่างเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสมบัติมากมายแค่ไหนที่เราจะสูญเสียไป จากการที่เสียเวลาเปล่าอยู่ที่นี่”
“ถูกต้อง”
“มารดามันเถอะ”
“คนนั้น…ข้าคิดว่าเป็นสายฟ้าม่วงหยุนเหย่า”
“ข้าไม่เคยคิดว่าเราจะต้องมานั่งรอเจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่”
ทั้งกลุ่มเริ่มบ่น แววตาของพวกเขามีแต่ความไม่เป็นมิตร
ชายชราสวมหน้ากากก็อยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก “พวกเจ้าไปที่ไหนมา”
ฉู่เทียนก็ไม่เก็บซ่อนอะไรไว้ เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราไปที่ตำหนักอสูรปีศาจมา”
“พวกเจ้าสองคนไปที่ตำหนักอสูรปีศาจ”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง มันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าไปที่นั่นมา แต่เจ้ายังสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้”
“ดูสิซะ” หยุนเหย่าหยิบเอาผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าออกมา เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็น
“พวกเราไม่เพียงแค่กลับมาอย่างมีชีวิตเท่านั้น”
ชายชราสวมหน้ากากเห็นผลึกจิตวิญญาณสายฟ้า ดวงตาของเขาหรี่แคบลง และเห็นดาบเพลิงปีศาจอเวจีในมือของฉู่เทียนลมหายใจของเขาติดขัดทันที
“ดาบเล่มนี้เจ้าจะขายหรือไม่ ข้าจะให้ในราคาที่เจ้าต้องการ ไม่สำคัญว่าจะเท่าไหร่” ชายชรารีบถาม
ฉู่เทียนค่อยๆ วาดดาบเพลิงปีศาจอเวจีขึ้นไปในอากาศ “ดาบเล่มนี้เหมาะกับข้ามาก ข้าจะไม่ขายมันอย่างเด็ดขาด”
กระบี่โลหิตคลั่งหยางเซิน จ้องมองที่ตัวดาบสายตาเต็มไปด้วยความโลภ
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขออย่างเจ้าโชคดีแบบไหน ที่สามารถนำดาบเพลิงปีศาจอเวจีออกจากตำหนักอสูรปีศาจได้ แต่การที่เจ้าทำให้พวกเราต้องเสียเวลาเนิ่น เจ้าต้องมีการชดเชยที่สมน้ำสมเนี้อให้กับพวกเรา”
ผู้ใช้กระบี่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ดาบเล่มนี้เพียงพอที่จะชดเชยให้พวกเราได้”
หยางเซินหันมองไปที่ชายชราสวมหน้ากากแล้วกล่าวว่า
“ในเมื่อท่านอาวุโสหน้ากากต้องการดาบเล่มนี้ พวกเราห้าพี่น้องจะช่วยประคองส่งให้ท่านกับมือเป็นอย่างไร เมื่อพวกเราไปฆ่าราชาอสุรปีศาจหยินด้วยฝีมืออันต่ำต้อยของเจ้าเด็กน้อยนี่ มันไม่สำคัญว่าจะมีมันร่วมด้วยหรือไม่”
ช่างยุติธรรมและดูน่าเชื่อถือจริง ๆ
ถึงตอนนี้
ชายชราสวมหน้ากากเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ดาบเพลิงปีศาจอเวจีเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูง ต้องมีการทำสัญญาจิตวิญญาณกับมัน
“ห้าสุดยอดกระบี่แห่งรัฐกลาง” เป็นกลุ่มโจรที่ปล้นฆ่าผู้คน และมักครอบครองทรัพย์สินล้ำค่าของพวกเขา
ข่ายเตี่ยโกรธมาก “พวกเจ้าเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”
“สาวน้อย….หุบปากของเจ้าซะ”
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้า”
ทั้งห้าคนใช้แววตาของหมาป่าผู้หิวโหยจ้องมองอย่างตะกละตะกลามไปยังดาบเพลิงปีศาจอเวจีในมือของฉู่เทียน
“เมื่อพวกเจ้าไม่สามารถซื้อมันได้ พวกเจ้าก็เริ่มคิดจะฆ่าคนเพื่อแย่งสมบัติของเขากันงั้นเหรอ” หยุนเหย่ายิ้มอย่างเย็นชา
“หรือนี่เป็นรูปแบบของอาณาจักรโจวของพวกเจ้า”
สายฟ้าม่วงหยุนเหย่ากำลังพูดถึงเรื่องนี้เพื่อเจ้าเด็กนี่
หรือเธอจะยืนอยู่ข้างเดียวกับมัน
ชายชราสวมหน้ากาก เปลวไฟปีศาจ ปีศาจน้ำแข็งสองพี่น้อง และห้ากระบี่สุดยอดเริ่มรู้สึกกลัว
ถ้าเด็กน้อยคนนี้ยังไม่รู้จักดีชั่ว พวกเขาจะแย่งดาบเพลิงปีศาจอเวจีจากเขา แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับดาบเพลิงปีศาจอเวจีแล้วย่อมคุ้มค่าที่จะเสี่ยง
แต่ถ้ามีหยุนเหย่าช่วยฉู่เทียน สถานการณ์ย่อมแตกต่างออกไป
หยุนเหย่ากับผลึกจิตวิญญาณสายฟ้า เป็นเรื่องน่ากลัวและน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะสูญเสียผู้ช่วยในการกำจัดราชาอสูรปีศาจหยินไปถึงสองคน
“ว่านหวู่หยีเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา เจ้าคิดว่ากระบี่ของพวกเจ้าจะเร็วกว่าว่านหวู่หยีหรืออย่างไร” หยุนเหย่ากล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องพูดถึงดาบเพลิงปีศาจอเวจี แม้ว่าเขาไม่มีดาบเพลิงปีศาจอเวจี แต่สำหรับเขาพวกเจ้าก็ไม่ต่างกับเศษสวะ”
อะไร….!
เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถฆ่าดาบหิมะว่านหวู่หยี
แม้ว่าของพลังของดาบหิมะว่านหวู่หยีจะถูกผนึกโดยสุสานโบราณ แต่เขายังคงประสบความสำเร็จ และเป็นยอดฝีมือในอันดับต้นๆของผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบ ซึ่งแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถต่อต้านเขาได้
ถ้าชายชราสวมหน้ากากต่อสู้กับดาบหิมะว่านหวู่หยี
เขาจะมีโอกาสสำเร็จเพียง 5 ใน 10 ส่วน
ถ้าทั้งห้ากระบี่ต่อสู้กับว่านหวู่หยีตัวต่อตัว พวกเขาจะถูกฆ่าโดยไม่รู้ว่าพวกเขาตายไปแล้วตอนไหน
“ฮ่า ฮะ ฮ่า เราผู้เฒ่าเป็นพ่อค้าที่ซื่อตรง การซื้อและการขายต้องทำอย่างเป็นธรรม การบังคับใครบางคนเพื่อซื้อขายนั้นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ยินดี”
ชายชราสวมหน้ากากเหลือบตามองไปที่มือกระบี่ทั้งห้า เขากล่าวด้วยเสียงแข็งกระด้างว่า
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะระมัดระวังคำพูด ข้าไม่อนุญาตให้มีพฤติกรรมเช่นนี้ในกลุ่ม ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก อย่าได้ตำหนิว่าข้าไม่เกรงใจ”
หัวใจของหยางเซินรู้สึกหนาวเยือก…….
หยางเซินทำเสียงดูถูกในลำคอ
เขาปิดปากเงียบไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่เห็นได้ชัดจากแววตาของเขา เขาไม่เชื่อว่าฉู่เทียนสามารถฆ่าดาบหิมะว่านหวู่หยีได้
เด็กน้อยขนอ่อนพลังฝีมือต่ำต้อยจะสามารถสังหารยอดฝีมือระดับนั้นได้อย่างไร
บางทีอาจจะเป็นฝีมือสายฟ้าม่วงหยุนเหย่า ต้องการทำให้คนตกใจ หรืออาจเป็นความช่วยเหลือจากสายฟ้าม่วงหยุนเหย่าอีกเช่นกันที่ทำให้เขาสามารถขึ้นมาถึงด่านที่สามได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่า เขามีความสัมพันธ์กับสายฟ้าม่วงหยุนเหย่า
นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้หยางเซินห้าพี่น้องรู้สึกเกรงกลัว
ฉู่เทียนไม่ได้ทำอะไรเขาแสร้งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ๋… ข่ายเตี่ยเสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่คือชุดอะไร”
“ข้าโชคดีข้าพบมันในด่านที่สอง” ข่ายเตี่ยหัวเราะอย่างอับอาย “นี่คือชุดคลุมยาวป้องกันไฟ ถ้าประมูลในประมูลในรัฐกลางมันน่าจะมีมูลค่าประมาณ 210,000 เหรียญทองและข้ายังมีชุดคลุมแบบอื่นอีกหลายชุด ข้ายังหยิบสมบัติล้ำค่าอื่น ๆ มาด้วยอีกหลายอย่าง”
ข่ายเตี่ยดูเหมือนจะพอใจมาก
ฉู่เทียนเข้าใจดี ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของอดีตนักบ่มเพาะที่เสียชีวิตที่นี่ สำหรับนักบ่มเพาะทั่วไปมันเป็นสมบัติที่ค่อนข้างมีค่า แต่สำหรับข่ายเตี่ยสิ่งเหล่านี้นับเป็นแค่ของธรรมดา
แต่ข่ายเตี่ยค่อนข้างตื่นเต้นกับกระบวนการล่าขุมทรัพย์ของเธอ
คนที่มาหาสมบัติในที่นี้ไม่มีใครที่มีทัศนคติที่ดีกว่าข่ายเตี่ยอีกแล้ว
กลุ่มของหยางเซินโกรธมาก พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้มีสมองที่สมบูรณ์หรือไม่ เขาปฏิบัติเหมือนพวกเขาคือธาตุอากาศ
ฉู่เทียนไม่ได้กลัวพี่น้องทั้งห้าคน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องโกรธ
เขาไม่สนใจว่าชายชราสวมหน้ากากคิดอย่างไร
เพราะเขาแค่ต้องการผลไม้จิตวิญญาณทารก ฉู่เทียนไม่มีเวลามากนัก ผลไม้จิตวิญญาณทารกเป็นสิ่งเดียวที่สามารถช่วยให้ฉู่เทียนสามารถบุกเข้าสู่อาณาจักรจิตวิญญาณได้
“สถานการณ์ปัจจุบันของเราไม่ค่อยดีนัก” ชายชราสวมหน้ากากให้ไอแห้ง ๆ จากนั้นเขาพูดต่อว่า
“สถาบันจิตวิญญาณอสูรได้รวบรวมกลุ่มคนจำนวนมากเข้าสำรวจหลุมเก็บศพแล้ว”
ฉู่เทียนถามอย่างเฉื่อยชาว่า “หลุมเก็บศพคืออะไร”
“จากข่าวลือที่ข้าได้ยินมา หลุมเก็บศพเป็นคลังเก็บศพที่สถาบันโบราณเก็บศพทหารไว้ หลังจากที่อสูรปีศาจได้รับการขัดเกลาแล้วพวกเขาจะถูกนำไปเก็บไว้ในหลุมเก็บศพ หลุมนี้มีความลึกลับซับซ้อนมากมันเป็นพื้นที่ต้องห้าม เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก และยังเก็บสมบัติล้ำค่าบางอย่างไว้ ซึ่งมันก็คือกระดิ่งคุมวิญญาณ”
“ข้าก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน” หยุนเหย่าแสดงออกอย่างหนาวเหน็บในขณะที่เธอพูดว่า
“กระดิ่งคุมวิญญาณสามารถอสูรปีศาจหยิน และสามารถควบคุมพวกมันให้กลายอาวุธได้”
อสูรปีศาจของสุสานโบราณหมื่นศพไม่ใช่เป็นเรื่องเล็ก ๆ
แค่ 3-5 ตนที่สามารถออกไปข้างนอกได้ พวกเขาสามารถกวาดล้างทำลายผู้คนได้อย่างง่ายดาย
“กระดิ่งคุมวิญญาณ….หยางคุนต้องการสิ่งนี้มากคราวนี้เขาเตรียมการ เตรียมความพร้อมมาอย่างดี”
ชายชราสวมหน้ากากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
“คน ๆ นั้นโหดร้ายมากถ้าเขาได้รับกระดิ่งคุมวิญญาณ อสูรปีศาจหยินจะตื่นขึ้นและผู้บ่มเพาะทุกคน ที่อยู่ในที่นี่จะถูกโจมตีโดยอสูรปีศาจหยิน”
หยุนเหย่ากล่าวน้ำเสียงดูถูกว่า
“งั้นก็ฆ่าเขาซะ”
ชายชราสวมหน้ากากส่ายหัวและกล่าวว่า “หยางคุนประสบความสำเร็จการบ่มเพาะ จิตวิญญาณยักษ์กายาทองคำ ในระดับสูง จิตวิญญาณนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก เจ้าที่เป็นคนในอาณาจักรหนานเซี่ย เจ้าควรชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าข้า”
หยุนเหย่า ข่ายเตี่ยและหยางเซินทั้งหมดขมวดคิ้วของพวกเขา
ชื่อเสียงของหยางคุน ด้วยสถานะคนเช่นเธอมีหรือทีจะไม่ทราบเรื่องนี้
ความยิ่งใหญ่ที่ได้รับจาก”จิตวิญญาณยักษ์กายาทองคำ” ก็คือร่างกายมนุษย์ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายแข็งแกร่ง ผิวหนังดั่งเหล็ก เลือดเนื้อร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งเหมือนเพชร ความแข็งแกร่งของเขาจะมากพอ ๆ กับมังกร แม้ว่าเมื่อเข้ามาสุสานโบราณ พลังจิตวิญญาณของเขาจะถูกผนึก แต่อาศัยความแข็งแกร่งทางร่างกายอันมหึมาของเขา ก็สามารถเทียบได้กับอสูรปีศาจหยินระดับสูงที่อยู่ภายนอก ในหมู่ผู้ฝึกตนในอาณาจักรจิตวิญญาณเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
แม้ว่าหยุนเหย่าจะมีผลึกจิตวิญญาณสายฟ้าแต่เธอก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสู้กับเขาได้
หลังจากถูกปราบปรามโดยสุสานโบราณ พวกเขาสามารถใช้พลังที่ขั้นปรับแต่งร่างกายระดับ 9 ขั้นสูงสุด
“ถ้าเป็นเวลาก่อนหน้านี้เราอาจต่อสู้กับเขาได้ แต่ตอนนี้เขาเข้าไปนานแล้วและเราไม่สามารถติดตามกับเขาได้ทันเวลา”
ในหลุมฝังศพโบราณมีตำหนักมากมายหลายแห่งทั่วทั้งสุสาน
มีสมบัติถูกฝังไว้ที่นี่มากมาย แม้หลังจากนั้นหลายร้อยหลายพันปี สมบัติเหล่านี้ก็ไม่เคยหมด
“อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้ให้มากนัก เราจะคุยกันหลังจากที่เราออกไปจากที่นี่แล้วค่อยวางแผนจัดการราชาอสูรปีศาจหยินกัน”