Great Demon King กำเนิดราชันย์ปีศาจ - GDK ตอนที่ 190 สองสาวงามในอ้อมแขน
ดวงจันทร์ที่ลางเลือนแขวนดวงอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่ดวงจันทร์สาดแสงเยือกเย็นส่องลงมาเบื้องล่าง ปรากฏเป็นแสงสีเงินพาดผ่านไปทั่ว ทำให้ค่ำคืนนั้นช่างสุกสว่างนัก
ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความเงียบ ไร้ซึ่งสุ้มเสียง ไม่มีแม้แต่แมลงตัวเล็ก ๆ มนุษย์ หรือสัตว์ร้ายตนใดที่อยากจะออกมาเผชิญความเหน็บหนาวอันโหดร้ายของค่ำคืนในฤดูหนาวเช่นนี้
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากถ้ำ ก็สัมผัสได้ทันทีว่าอากาศข้างนอกนั้นหนาวเย็นยิ่งกว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในถ้ำเสียอีก ซึ่งแม้ว่าจะเตรียมตัวดีแล้ว แต่พวกเขาก็ทำได้แต่กระชับเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายให้แน่นขึ้นและหายใจออกมาเป็นไอเย็นเท่านั้น
“ไม่ควรรอช้าไปมากกว่านี้แล้วล่ะ พวกเราออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดและรีบกลับไปยังจักรวรรดิกันดีกว่า”
หานซั่วมองทุกคนและพูดอย่างจริงจัง
หลังจากความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่า บ็อบ อัชเชอร์ จะรู้ตัวว่าสิ่งของสำคัญ ภายในห้องลับของเขาได้ถูกขโมยไปหรือไม่ เมื่อครั้งนี้เขาล้มเลิกการค้นหาและกลับไปมือเปล่า ไม่ช้าก็เร็ว บ็อช อัชเชอร์ก็คงจะรู้เมื่อกลับไปถึงนครวาเลนอยู่ดี และคงต้องตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เพราะเหตุนี้ หานซั่วและเอมิลี่จึงต้องบริหารเวลาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อส่งข่าวให้กับสมาชิกระดับสูงขององครักษ์ชุดดำและจัดการกับ บ็อบ อัชเชอร์ ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะต้องเจอเข้ากับปัญหาจนกลับไปรายงานไม่ทัน
“เมืองบางเมืองในหุบเขาเคอร์ลันไม่อยู่ในอำนาจปกครองของจักรวรรดิใด องครักษ์ชุดดำมีฐานที่มั่นอยู่ที่นั่นบ้าง และมีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่จะช่วยให้เราสื่อสารกับผู้บริหารสูงสุดได้ ไบรอันและข้าต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด ในเมื่อตอนนี้เราไม่มีอันตรายอะไรแล้ว ข้าคิดว่าถึงเวลาที่พวกเราควรจะแยกกันแล้วล่ะ”
เอมิลี่นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม
“พวกที่เดินทางมากับข้าในขบวนขนส่งสินค้าออกไปจากนครวาเลนกันหมดแล้วตั้งแต่ก่อนที่เราจะเข้าไปที่โรงแรมของเอเลน ตอนนี้เหลือข้าเพียงคนเดียว และข้าก็ทิ้งคำสั่งต่าง ๆ ไว้กับสมาคมเรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นที่สมาคมก็จะไม่มีปัญหาอะไรหากไม่มีข้าอยู่ดูแลสักพัก ข้าจะกลับจักรวรรดิพร้อมกับไบรอัน”
ฟีบี้ประกาศอย่างชัดเจนขณะยืนอยู่ข้างหานซั่ว
แคสเปี้ยนและลอว์เรนซ์ต่างก็ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแสดงเจตจำนงของทั้งคู่ที่จะแยกทางไป แคสเปี้ยนกล่าวคำขอบคุณกับหานซั่วอย่างจริงจัง และลอว์เรนซ์ก็กวาดตามองไปที่เบลินดาและพูด
“ไบรอัน ถ้าเจ้าได้ความลับอะไรเกี่ยวกับการสร้างโกเลมนั่นล่ะก็ ข้าจะขอซื้อจากเจ้าในราคาสูงมากเลยล่ะ”
หานซั่วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและยิ้มให้
“แล้วข้าจะถามเธอให้ แต่อย่าหวังสูงนักล่ะ ข้ารู้สึกว่าต่อให้เจ้าจะรู้วิธีสร้างมัน แต่ก็คงไม่สามารถสร้างได้ในปริมาณมากนักหรอก ไม่อย่างนั้นศาสนจักรแห่งหายนะคงจะสร้างพวกมันขึ้นมาเป็นกองทัพตั้งนานแล้วล่ะ”
ลอว์เรนซ์พูดขึ้นอีกครั้ง
“คงจะช่วยได้เยอะมากเลยล่ะ ถ้าข้าสามารถสร้างโกเลมได้สักตัว 2 ตัว”
“ก็ได้ ข้าจะพยายามก็แล้วกัน!”
หานซั่วพูดอย่างยอมจำนนเมื่อเห็นว่าลอว์เรนซ์ไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้
“เจ้าคนบ้า แล้วเราจะได้เจอกันอีกรึเปล่า?”
จู่ ๆ แองเจลิก้าก็หันมาพูดกับหานซั่วขณะที่แคสเปี้ยนกำลังจะจากไป
หานซั่วย่อตัวลงและพูดอย่างร่าเริง
“ข้าคิดว่าเจอนะ นี่เราก็เจอกันตั้ง 2 ครั้งแล้วนะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานเอง สงสัยว่าโชคชะตาจะต้องกันแล้วล่ะมั้ง”
“เอาล่ะ ต้องขอบคุณเจ้ามาก ๆ เลยครั้งนี้ ถ้ามีโอกาส เชิญมาเป็นแขกของเราที่หมู่บ้านเผ่าเอลฟ์ในป่าทมิฬนะ แองเจลิก้าจะต้อนรับเจ้าอย่างดีเลยล่ะ”
แคสเปี้ยนโค้งให้หานซั่วและพูดด้วยรอยยิ้ม
แล้วลอว์เรนซ์และคนอื่น ๆ ไม่ได้เสียเวลาโอ้เอ้อยู่นานหลังจากที่แคสเปี้ยนและแองเจลิก้าจากไปแล้ว โดยลอว์เรนซ์เดินทางไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพวกแคสเปี้ยน ในขณะที่หานซั่วเองก็เริ่มกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากว่าแคสเปี้ยนและแองเจลิก้ารู้ตัวตนของเขาว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้นำของพวกโทรลล์ป่า และหากว่าทั้ง 2 คนเกลียดเขาขึ้นมาล่ะ? อาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดหากว่าเขาจะไปไม่ไปเยี่ยมเผ่าเอลฟ์
เดวิส นักดาบระดับสูงแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงสงครามรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันทีเมื่อต้องจากกับแองเจลิก้าตัวน้อย นักรบที่ดูดุร้ายยังคงจ้องมองตาละห้อยไปยังทิศทางที่แองเจลิก้ากำลังมุ่งหน้าตรงไป
“แคนดิซ เบลินดาเป็นหนี้เจ้าอยู่เท่าไหร่รึ? ข้าจ่ายให้แทนได้รึเปล่า? พวกเราต้องใช้ประโยชน์จากเธออีก ก็เลยมอบตัวเธอให้เจ้าจัดการไม่ได้น่ะ”
เอมิลี่มองไปยังแคนดิซและหยิบตราสารคริสตัลออกมา เพื่อที่จะจ่ายค่าจ้างให้กับเธอ
“ช่างมันเถอะ พี่สาวเอมิลี่ เราไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองอะไรอยู่แล้ว พวกเราแค่ถือว่าภารกิจครั้งนี้ล้มเหลวไปก็พอ ไม่ต้องห่วงหรอก”
แคนดิซรีบตอบอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเอมิลี่ต้องการจะจ่ายหนี้แทน เธอมองไปที่กลุ่มทหารรับจ้างด้านหลัง
“เอาล่ะ ๆ พวกเราก็ต้องไปเหมือนกัน พวกเรามีภารกิจอีกมากที่ต้องจัดการ!”
เมื่อพูดจบ แคนดิซก็ไม่รอให้เอมิลี่โอนเหรียญทองให้และรีบเร่งจากไปพร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้าง เหลือเพียงหานซั่ว ฟีบี้ และเอมิลี่ที่ถูกทิ้งไว้หน้าถ้ำ และกิลเบิร์ตที่ดูสงบเสงี่ยมผิดปกติ
“เฮ้ ทำไมเจ้าถึงเงียบนักล่ะ?”
หานซั่วนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้ยินกิลเบิร์ตพูดมาตั้งนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
กิลเบิร์ตยืนหลับตาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยและตอบทันทีหลังจากที่ได้ยินหานซั่วถาม
“นายท่านที่ไม่น่าเคารพ… ข้าได้รับบาดเจ็บระหว่างทางและกำลังรักษาตัวอยู่ก็เท่านั้นแหละ ทำไมจู่ ๆ ถึงเพิ่งมานึกถึงข้าเอาตอนนี้ล่ะ?”
ในที่สุดหานซั่วก็จำได้ว่าระหว่างที่พวกเขารีบหนีออกมาจากนครวาเลน กิลเบิร์ตถูกโจมตีจากจอมเวทย์ 2 คน และเหล่าอัศวิน แล้วเขายังต้องแบกกลุ่มคนจำนวนมากขณะบินหนีอีกเป็นเวลานาน ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงได้เงียบนัก
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“อย่าห่วงไปเลยน่า ยังไงเจ้าก็หนังหนาอยู่แล้วนี่!”
หานซั่วหัวเราะคิกคักและหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
“เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน เจ้ากลับบ้านไปพักสักหน่อยก่อน แล้วข้าค่อยพาเจ้าออกมาอีกครั้งถ้าเจ้าหายดีแล้ว”
“ข้าเพิ่งออกมาได้แค่ไม่กี่วัน ท่านก็จะส่งข้ากลับไปอีกแล้วเนี่ยนะ!”
กิลเบิร์ตเริ่มบ่นเสียงดังทันทีเมื่อได้ยินว่าหานซั่วจะส่งเขากลับไปยังสุสานแห่งความตาย
“เถอะน่า จะเป็นเด็กดีหรือไม่ยังไงเจ้าก็ต้องกลับไปอยู่ดี ข้ามีสหายร่วมทางอีก 2 คน คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ถ้าจะพาเจ้าไปด้วย แล้วนี่เจ้าเองก็กำลังบาดเจ็บอยู่ด้วยนะ”
หานซั่วหัวเราะร่วนขณะวางแท่งเงินเวทย์มิติเคลื่อนย้ายและจับกิลเบิร์ตส่งกลับไปยังสุสานไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
หานซั่วรวบรวมพลังจิตและเปิดใช้วงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย แล้วกิลเบิร์ตก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย และเพราะกิลเบิร์ตไม่สามารถออกจากสุสานแห่งความตายได้หากยปราศจากเนตรอสูร ดังนั้นหานซั่วจึงไม่ห่วงว่าเขาจะเจอกับปัญหาอะไร
ฟีบี้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจเมื่อเห็นหานซั่วใช้แท่งเงินวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายและส่งกิลเบิร์ตกลับไป ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่หานซั่วด้วยความประหลาดใจ
“ฮะ ๆ ๆ ก็แค่วงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายเอง ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก เอาล่ะ พวกเราก็รีบไปกันเถอะ”
หานซั่วหัวเราะเบา ๆ พลางเก็บแท่งเงินกลับไปในแหวนมิติตามเดิม และเร่งเร้าฟีบี้และเอมิลี่ให้รีบเดินทาง
การมีสหายร่วมทางถึง 2 คนอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ฟีบี้ที่ปกติจะมีท่าทีเย็นชามักจะทำตัวใกล้ชิดกับหานซั่วมากเป็นพิเศษในการเดินทางครั้งนี้ ไม่ว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ แต่นั่นก็ทำให้เอมิลี่มองหานซั่วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระทมทุกข์
ในฐานะนักเวทย์ แม้เอมิลี่จะห่อตัวด้วยเสื้อขนสัตว์ที่หนา แต่เธอก็ยังหนาวสั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหานซั่วไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนอกจากรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ เอมิลี่เองก็ตั้งใจรักษาระยะห่างกับหานซั่วเอาไว้ ราวกับกลัวแทบตายว่าฟีบี้จะรู้ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่
หานซั่วบินอยู่กลางอากาศโดยมีฟีบี้อยู่ในอ้อมแขน และเอมิลี่ต้องใช้พลังจิตของเธอในการใช้เวทย์เหินหาวเพื่อลอยตัวเหนือพื้นดินด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในฐานะจอมเวทย์ เอมิลี่สามารถบินได้ในระยะเวลาที่จำกัดเท่านั้น หานซั่วสังเกตได้ว่าริมฝีปากของเธอเริ่มซีดมาตลอดทั้งคืน
จู่ ๆ เขาก็ลดความเร็วลงเพื่อเคลื่อนตัวไปใกล้กับเอมิลี่
“ข้าบินไปพร้อมกับรับน้ำหนักของคน 2 คนได้นะ!”
แล้วหานซั่วก็เอื้อมมือมาโอบรอบเอวของเอมิลี่อย่างอ่อนโยน โดยไม่สนใจว่าฟีบี้จะเห็นด้วยหรือไม่ เขาโอบฟีบี้ไว้ในอ้อมแขนขวา และโอบเอมิลี่ไว้ด้านซ้ายขณะบินอยู่กลางอากาศ และยังโคจรแก่นมนตราอย่างเงียบ ๆ เพื่อทำให้ร่างกายที่เย็นเฉียบของเอมิลี่อบอุ่นขึ้น
เอมิลี่ที่หนาวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของหานซั่วพยายามจะดึงตัวออกห่างจากเขา แต่ก็พบว่าเธอถูกกอดรัดไว้แน่นในวงแขน และเมื่อเธอหันไปมองเขา ก็สังเกตเห็นถึงความเจ็บปวดและความแน่วแน่ในสายตาของหานซั่ว จนเอมิลี่รู้สึกถึงความซาบซึ้งท่วมท้นในหัวใจ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายของเธอหรือไม่ เอมิลี่ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นและอาการหนาวสั่นที่ผ่านมาก็จางหายไป ราวกับว่ามีความอบอุ่นโอบล้อมอยู่รอบกาย
“ดูเหมือนที่เจ้าจะเคยชินกับการโอบเธอไว้แบบนี้เหลือเกินนะ!”
ฟีบี้ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูหานซั่ว และพูดด้วยเสียงเบาที่เจือไปด้วยความอิจฉา ราวกับว่าไม่กลัวที่เอมิลี่จะได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“เราต้องรีบไปยังฐานที่มั่นขององครักษ์ชุดดำให้เร็วที่สุด ถ้าช้ากว่านี้ล่ะก็ เราคงเจอปัญหาตามมาอีกมากมายแน่ ๆ เพราะงั้นข้าก็ต้องพาเจ้า 2 คนบินไปพร้อมกันแบบนี้แหละ ถึงจะเร็วที่สุด”
หานซั่วพูดด้วยไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทีอันใดจากคำพูดของฟีบี้
เขาใช้ “ศาสตร์เทพอสูร” ในขั้นสูงสุดมาตลอดทางและยังแบ่งแก่นมนตราเพื่อทำให้ร่างกายของเอมิลี่อุ่นขึ้นไปพร้อมกัน ในขณะที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาหนึ่งในเทือกเขาเคอร์ลันตามคำแนะนำของเอมิลี่
เพราะหานซั่วใช้แก่นมนตราในการบินเป็นระยะเวลานานพร้อมกับช่วยอบอุ่นร่างกายให้เอมิลี่ ทำให้เขาต้องทนทรมานอย่างมากจากพลังงานที่เริ่มเหือดแห้ง เขาเหงื่อออกและหอบหายใจอย่างหนักไปตลอดทั้งคืน
“พักสักหน่อยเถอะ เจ้าดูอ่อนเพลียมากเลยนะ!”
แม้ว่าฟีบี้จะยังอิจฉาอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกที่เธอมีให้หานซั่วนั้นคือความจริงแท้ หัวใจของเธอก็หวั่นไหวเมื่อเห็นว่าเขาเหงื่อท่วมเพราะความเหนื่อยล้า
เอมิลี่เองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน เธอกำลังจะเอ่ยปากบอกให้เขาพัก แต่ในเมื่อฟีบี้ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่เธอจะพูดอะไรอีกต่อไป
หานซั่วเริ่มอ่อนล้าลง เขาใช้พลังอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งการวิ่งหนีมาตลอดการต่อสู้ และตลอดเวลาที่อยู่ในถ้ำ ก็ยังใช้เวลาทั้งหมดในเการซึมซับพลังวิญญาณของจอห์นนี่
สายตาที่เฉียบคมคู่นั้นคอยสอดส่ายไปทั่วบริเวณ และหานซั่วก็พบโพรงไม้แห่งหนึ่ง เขาจึงลงมาที่โพรงบนต้นไม้นั้นพร้อมกับเอมิลี่และฟีบี้ เมื่อปัดหิมะที่ปกคลุมออกก็พบว่ามีพื้นที่ว่างอยู่ในโพรงของต้นไม้
“เข้าไปพักในนี้ก่อนเถอะ!”
หานซั่วแนะ
ลำต้นของต้นไม้นั้นค่อนข้างแข็งแรง และมีโพรงที่สูงแต่ค่อนข้างแคบอยู่บริเวณราก ทั้ง 3 คนพบว่าลมหนาวไม่ได้พัดเข้าไปในโพรง หานซั่วจึงเข้าไปพักข้างในโดยมีฟีบี้และเอมิลี่ขนาบทั้งสองข้าง
ถึงแม้จะมีพื้นที่อยู่ข้างในบ้าง แต่ก็ยังแคบไปสำหรับคน 3 คนอยู่ดี พวกเขาจำต้องเบียดเสียดกันอยู่ด้านใน แขนขาทับกันไปมาจนยากที่จะขยับตัว
หานซั่วหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งหลังจากผ่อนคลายและโคจรแก่นมนตราภายในร่างกาย และเขาก็พื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสภาพอิดโรยที่เป็นก่อนหน้านี้
เอมิลี่และฟีบี้ต่างถูกกดแนบอยู่ด้านหน้าของหานซั่ว หน้าอกและหน้าท้องของเอมิลี่ชนกับหลังและก้นของฟีบี้ และอกของหานซั่วก็อยู่บริเวณหัวไหล่ของพวกเธอ มือของเขาวางอยู่บนขาของตัวเอง และมีพื้นที่ว่างเล็กน้อยระหว่างขาของเขากับผู้หญิงทั้งคู่
ยามนั้นเป็นเวลาค่ำคืนแล้ว และแสงที่ลอดเข้ามาก็ถูกบดบังด้วยแผ่นหลังของหานซั่ว ทำให้ภายในโรงนั้นมืดดำสนิท
นอกจากหานซั่วแล้ว ทั้งสองสาวไม่สามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้
หน้าอกของเขาชนเข้ากับไหล่ของพวกเธอ ขณะที่เขาโคจรแก่นมนตราเพื่อจะถ่ายเทความอบอุ่นไปให้เอมิลี่ มือซ้ายของเขาวางอยู่บนขาของตัวเอง และเริ่มขยับไปหาเอมิลี่ทีละน้อย
**********************************