เกิดใหม่ในร่างเก่า-เจียงลั่วอวี้ - เล่มที่ 7 บทที่ 200 จบสิ้น (7)
ขันทีหนุ่มตกใจจนตัวหงิกตัวงอ รีบพูดอธิบาย “หูกงกง ท่านคงลืมไปแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งฝ่าบาทไปประทับที่ตำหนักฮุ่ยลี่ ท่านใช้ให้ข้าน้อยเอาขนมไปส่ง…และเจินจูผู้นี้ก็เป็นคนรับขนมไปจากข้าน้อย เลยทำให้ข้าน้อยจำนางได้แม่นยำ ถ้าเป็นนางกำนัลคนอื่นข้าน้อยไม่มีทางจำได้แน่ขอรับ…”
ฮ่องเต้หันไปจ้องหน้าขันทีหนุ่ม “ถ้าเช่นนั้น เจ้ามั่นใจว่าเป็นเจินจูใช่ไหม?”
“หม่อมฉันไม่กล้าโกหกฝ่าบาทพะย่ะค่ะ! “
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากขันทีหนุ่ม หูกงกงก็หน้าเครียดขึ้นมา ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากพูด ฮ่องเต้ก็ปล่อยมือจากแขนเขาและเดินไปที่ข้างกำแพงพร้อมออกคำสั่ง “ทหาร”
สิ้นเสียงคำสั่ง บรรดาทหารองครักษ์ในชุดสีทองก็มาคุกเข่าลงตรงหน้า “พะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าอย่าเสียงดัง ไปปิดปากพวกมัน อย่าให้ส่งเสียงออกมาได้” ฮ่องเต้ชี้นิ้วไปที่เจินจูและขันทีน้อย “ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่า รัชทายาทมาทำอะไรที่นี่?! “
“น้อมรับพระบัญชา! “
หูกงกงเห็นทหารสองคนเดินจากไป เขาคิดอยากจะช่วยพูดแทนรัชทายาท ถึงแม้หลายปีมานี้เขาจะไม่ได้สนับสนุนรัชทายาท แต่รัชทายาทก็ดีต่อเขาและมักจะให้เงินทองของกำนัลเขาอยู่เสมอ ดูจากสภาพการณ์แล้ว รัชทายาทคงกำลังอยู่กับฮุ่ยเฟยแน่…แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น
สีหน้าฮ่องเต้ดูน่ากลัวเป็นที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
หลังจากที่เจินจูและขันทีน้อยถูกคุมตัว ฮ่องเต้ยังคงไม่พูดอะไร เขาเดินอ้อมกำแพงไปจนเห็นศาลาพักร้อนที่มีอยู่เพียงหลังเดียวในบริเวณนั้น
ภายในศาลานั้น เย่จงกับเจียงฮุ่ยกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเสื้อผ้ากระจุยกระจายไปทั่วภายในศาลา ภาพที่ไม่ควรจะปรากฏไม่เพียงแต่ทำให้หูกงกงหน้าซีด แม้แต่ฮ่องเต้ยังถึงกับต้องก้มหน้าลง แล้วก็ไอเสียงดังออกมา
เมื่อได้ยินเสียงไอ เจียงฮุ่ยถึงกับชะงักและหันมาดู สิ่งที่นางเห็นคือฮ่องเต้ที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียด ส่วนตัวนางเองที่เพิ่งหายดีหน้ามีสีเลือดก็กลับหน้าซีดเผือดลงทันที ดวงตาของนางเต็มด้วยความตกใจและหวาดกลัว ทำเอาเสียงที่เปล่งออกมาพลอยแหบแห้งไปด้วย “ฮ่องเต้!”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าฮ่องเต้ เย่จงที่คร่อมอยู่บนตัวนางก็ตัวสั่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองไปทางที่เจียงฮุ่ยหันไปมอง พลิกตัวลงไปหมอบอยู่กับพื้น หัวสมองเหลือมีเพียงความว่างเปล่าและพร่ำบ่นกับตนเอง “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ! หม่อมฉัน หม่อมฉัน…”
“ลูกรักของข้า ลูกรักของข้า…” ฮ่องเต้มองด้วยสายตาและรอยยิ้มที่แสนเย็นชาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นลึกๆ เขาพยายามจะระงับความโกรธแค้น “แบบนี้นี่เอง เป็นแบบนี้นี่เอง”
เย่จงไม่คิดว่าจะถูกฮ่องเต้จับได้ นับแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำความผิดครั้งใหญ่ ใครจะคิดว่าครั้งนี้จะผิดพลาดมหันต์ เขาเอาแต่โขกศีรษะกับพื้น “เสด็จพ่อ หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้…”
“ข้าเห็นกับตา เจ้ายังจะพูดอะไรอีก?” ฮ่องเต้เห็นเขาพยายามแก้ตัวก็ไม่สนใจ หันไปออกคำสั่งกับทหารองครักษ์ “คุมตัวรัชทายาทออกไป”
ทหารองครักษ์ได้ยินคำสั่ง แต่ไม่กล้าขยับ เย่จงยังคงหวีดร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ หม่อมฉันถูกเข้าใจผิด อภัยให้หม่อมฉันด้วย!”
“เข้าใจผิด?” ฮ่องเต้เห็นดังนั้นก็ยิ่งกริ้ว คิดไปถึงสิ่งที่เขาทำมันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เขาเดินเข้าไปถีบเย่จง “ถ้าโลกนี้มีแต่คนถูกเข้าใจผิด แล้วจะยังมีศาลมีตุลาการไว้ทำไม! “
“มัวยืนบื้อทำไม คุมตัวออกไป” ฮ่องเต้หายใจถี่ด้วยความโกรธ มองไปยังลูกชายตนที่ถูกถีบจนล้มไป เขากัดฟันออกคำสั่ง “พรุ่งนี้เช้าจงออกประกาศ ถอดองค์ชายใหญ่เย่จงออกจากตำแหน่งรัชทายาท งดเบี้ยหวัด 5 ปี และกักบริเวณให้สำนึกผิดอยู่แต่ในตำหนักของตนเอง! “
ทหารเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปลากตัวเย่จง เย่จงพยายามจะขัดขืนและแก้ตัว แต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากแรงทหารสองคนได้ เขาตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่า วันพรุ่งนี้ตนจะต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งรัชทายาท
“น้อมรับพระบัญชา”
ฮ่องเต้โบกมือให้นำตัวเย่จงออกไป ราวกับไม่อยากเห็นหน้าลูกคนนี้อีกแล้ว จากนั้นก็หันกลับมองเจียงฮุ่ยที่กำลังตกใจจนหน้าเสียและสวมใส่เสื้อผ้าที่กำลังหลุดลุ่ยบนตัว
เจียงฮุ่ยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา นางนั่งตัวสั่นเพราะกลัวจะโดนถีบเหมือนอย่างเย่จง เมื่อเห็นฮ่องเต้ถอยหลังออกไป นางก็ส่งเสียงตะโกนขึ้น “ฝ่าบาท ฝ่าบาท หม่อมฉัน…”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอายุน้อยกว่าข้ามากและยังสาวยังสวย นับแต่เข้าวังมาเจ้าคงไม่พอใจที่ต้องมาอยู่กับข้า แต่ข้าคิดไม่ถึง ว่าเจ้าจะทำตัวต่ำช้าถึงขนาดยั่วยวนรัชทายาท! “
ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นชาและยิ้มเยาะ เขาโบกมือออกคำสั่ง
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากอยู่กับข้า ข้าก็จะไม่ฝืนใจ…ส่งฮุ่ยเฟยไปตำหนักเย็น ปลดลงเป็นนางกำนัล”
เจียงฮุ่ยเห็นรัชทายาทถูกลงโทษ นางก็คาดเดาได้ว่านางจะต้องเจอกับอะไร แต่แล้วนางก็นึกไปถึงเมื่อครั้งที่นางถูกฮ่องเต้บังคับขืนใจในวัดฮู่กว๋อจนจำต้องเข้ามาอยู่ในวัง จนกระทั่งนางต้องแท้งลูก ความแค้นใจเหล่านี้ผุดขึ้นอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นและฉุดชายเสื้อฮ่องเต้เอาไว้
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท! หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว แต่หม่อมฉันรับไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆ!”
“รับไม่ได้?” ฮ่องเต้ขบคิดก็คำพูดและจ้องมองใบหน้านาง แล้วก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ทำให้เขาโกรธจนยกมือขึ้นตบหน้าเจียงฮุ่ยจนตัวปลิว
“ใช่สิ รับไม่ได้เลยต้องมาทำเรื่องแบบนี้ เจ้ามันบังอาจนัก! “
เจียงฮุ่ยถูกตบเลือดกลบปาก แม้นางจะโกรธแค้น แต่นางก็รู้ว่าชีวิตนางตกอยู่ในมือคนผู้นี้เพียงผู้เดียว จึงพยายามร้องขอ “ฝ่าบาท ฝ่าบาท หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว อภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ…”
ฮ่องเต้สะบัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้า ดูเหมือนจะตัวโอนเอนไปมา หน้าเริ่มซีด หูกงกงเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองไว้ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม ก็เห็นเขาโบกมือขึ้น
“ลากตัวออกไป”
ครั้งนี้ทหารองครักษ์ไม่รีรอ เข้าไปจับแขนเจียงฮุ่ยลากตัวขึ้นทันที “พะย่ะค่ะ”
จนกระทั่งนางถูกลากตัวออกไป เจินจูกับขันทีน้อยก็ถูกอุดปากและลากไปตำหนักเย็นเพื่อเตรียมจะปิดปาก ฮ่องเต้จึงได้สงบลงและยืนครุ่นคิดก่อนจะหันไปหาหูกงกง “เป่าเหอจวิ้นจื่อเพิ่งเสียไป เรื่องของเจียงฮุ่ยอย่าเพิ่งให้จวิ้นหวังรู้ เข้าใจไหม?”
“พะย่ะค่ะ” หูกงกงพยักหน้าด้วยความลำบากใจ เขารู้ดีว่าเหตุการณ์ในวันนี้ นอกจากตัวเขาแล้ว บรรดานางกำนัลและขันทีที่เข้าไปเห็นเหตุการณ์จะต้องถูกฆ่าปิดปาก และอีกไม่กี่เดือนเจียงฮุ่ยก็จะต้องถูกสำเร็จโทษอย่างลับๆ เรื่องฉาวในวังหลวงก็จะกลายเป็นความลับตลอดไป
แต่ทางวังก็ควรจะให้เหตุผลกับทางจวนจวิ้นหวัง ถึงสาเหตุที่ส่งนางไปตำหนักเย็น คงไม่สามารถจะนิ่งเงียบไปแบบนี้ได้
“แต่ว่าฝ่าบาท เรื่องนี้เราคงปิดไม่ได้ไปตลอด…จะปิดไปถึงเมื่อไร…”
ฮ่องเต้หรี่ตาครุ่นคิด เมื่อได้ยินหูกงกงเอ่ยถึงจวนจวิ้นหวัง เขาก็นึกถึงชายในชุดสีครามที่หมอบกับพื้นและกล่องที่บรรจุป้ายคำสั่งทหาร “รอถึงงานชมดอกไม้ เวลานั้นค่อยบอกก็ยังไม่สาย”
เช้าวันถัดมาภายในท้องพระโรง ฮ่องเต้ไม่สนใจคำทัดทานจากขุนนาง สั่งถอดเย่จงออกจากตำแหน่งรัชทายาท นอกจากนั้นยังสั่งกักบริเวณและงดเบี้ยหวัด 5 ปี องค์ชายแปดที่ยืนอยู่ในหมู่องค์ชายทั้งหลาย ได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน
ทางฝั่งสวนมรกตในจวนจวิ้นหวัง ชายในชุดสีครามมือถือขลุ่ยหยกยืนอยู่กลางสวน เขาเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“พรุ่งนี้จะถึงวันงานชมดอกไม้แล้ว ของที่จะนำไปเยี่ยมฮุ่ยเฟยเตรียมไว้พร้อมหรือยัง? “
ติดตามอัพเดทก่อนใคร ด้วยการกดไลค์แฟนเพจเรื่อง “เกิดใหม่ในร่างเก่า-เจียงลั่วอวี้” : http://bit.ly/2ByRjpi
อ่านฟรีได้ที่นี่ หรือ
อ่านล่วงหน้า เร็วกว่าใครหลายร้อยตอนได้ที่เว็บไซต์ กวีบุ๊ค : https://www.kawebook.com/story/view/650
120/เล่ม (หากนับตอนฟรีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 บาท/เล่มค่ะ ) เมื่อเทียบกับนิยายแปลเป็นเล่ม 30 ตอนเท่ากับ 1 เล่ม