ฉันไม่ใช่นางเอก - บทที่ 60 ว่าด้วยพ่อตาแม่ยาย
บทที่ 60 ว่าด้วยพ่อตาแม่ยาย
ครอบครัวของเผยอิงอาศัยอยู่บนชั้นเจ็ด มีคนนั่งเรียงเบียดกันเป็นแถวบนโซฟาที่ไม่ได้ใหญ่อะไรในห้องรับแขกเล็กๆ ของอพาร์ตเมนท์ขนาดย่อม ที่มีสามห้องนอนนั้น ปกติบ้านนี้ไม่ค่อยมีญาติแวะมาเท่าไหร่ แต่วันนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่กันหมด
คุณนายเผยประกาศด้วยสีหน้าเบิกบาน “ทุกคนได้ยินว่าพวกเธอจะกลับบ้าน เลยแวะมาหาเป็นพิเศษจ้ะ”
เผยอิงยิ้ม พยักหน้า เธอบอกเรื่องที่เธอจะกลับบ้านกับแม่คนเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เธอจะกลับบ้านนั้น ถ้าแม่ไม่ได้เป็นคนบอกทุกคนเอง ก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้ แน่นอนว่าเธอเข้าใจว่าแม่เธอคิดอะไรอยู่ เธอต้องอยากอวดเรื่องนี้กับญาติๆ อยู่แล้ว
“ซิวจ้วนเอ้ย ป้าไม่เห็นเธอมาหลายปีแล้ว เธอสวยขึ้นเยอะเลยนะ” ป้าคนรองลุกขึ้นจากโซฟา คว้ามือเผยอิงไปกุมไว้อย่างอบอุ่น เผยอิงยิ้มถามว่าป้าสบายดีไหม
ป้ารองนั้นมีฐานะดีที่สุดในหมู่ญาติๆ ปกติเธอจะเป็นคนที่เชิดจมูกคอยดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ เวลาเชิญไปกินข้าวข้างนอก ป้าคนนี้ก็มักจะออกตัวว่าจะเลี้ยงอยู่ตลอด ซึ่งเป็นวิธีการอวดรวยของเธอนั่นเอง และหลังจากไปกินข้าวด้วยกันแล้ว แม่เผยอิงก็จะตัวพองขึ้นอย่างโมโหไม่ได้ ดังนั้นการที่เผยอิงเห็นผู้หญิงสองคนทำตัวใกล้ชิดกันแบบนี้ นี่มันช่างน่าขันจริงๆ
บอกตรงๆ เธอเองเข้าใจความเปรมปรีดิ์ของแม่ตัวเองอยู่หรอกนะ
ป้ารองมองเผยอิงด้วยสีหน้าเฉยชา แต่กลับส่งยิ้มให้ซ่งหนานชวน
“นี่คงเป็นคุณซ่งสินะคะ ยินดีที่ได้พบค่ะ ฉันเป็นป้าคนรองของเผยซิวจ้วน”
ซ่งหนานชวนเบี่ยงตัวกลับเล็กน้อย รักษาระยะห่าง “สวัสดี”
ป้ารองนั้นยื่นมือออกไป ทำท่าจะจับมือ แต่เมื่อไม่มีการตอบรับ เธอก็ดึงมือกลับแบบเก้อเขิน เผยอิงถือโอกาสดึงซ่งหนานชวนก่อนแนะนำเขากับพ่อ “นี่พ่อฉันค่ะ”
เมื่อรู้สึกสายตาซ่งหนานชวนที่มองมา คุณเผยก็ยืดหลังตรง “คุณซ่ง สวัสดีครับ”
ซ่งหนานชวนยิ้มให้เขา ด้วยกริยาสง่างาม ก่อนเอ่ย “คุณลุง สวัสดีครับ” หลังจากทักทายง่ายๆ แล้วซ่งหนานชวนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าที่เป็นการพบพ่อแม่ของเผยอิงแบบง่ายๆ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกันจริงๆ เลยนำของขวัญมาด้วย “ผมนำของขวัญเล็กๆน้อยๆ มาให้คุณลุงกับคุณป้าด้วย แต่ลืมไว้ในรถ เดี๋ยวผมให้คนขับส่งขึ้นมาให้นะครับ”
เมื่อได้ยิน คุณนายเผยรีบพูด “ไม่ต้องรบกวนคนขับรถของคุณหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันให้ซิวหรานลงไปเอาข้างล่าง” เธอตบไหล่ซิวหราน ส่งสัญญาณให้เขาลงไปหาคนขับ
พอเผยซิวหรานกลับมาพร้อมของขวัญ คุณและคุณนายเผยก็เรียกทุกคนมาทานข้าวในห้องรับแขก
ที่โต๊ะอาหารเหล่าญาติๆก็รุมถามเรื่องซ่งหนานชวนกันใหญ่ พวกเขาต่างก็รู้ว่าซ่งหนานชวนลงทุนในบริษัทยูนิเวิร์สไปตั้งสองพันล้าน แล้วจะยอมปล่อยเหมืองทองหลุดมือไปได้ยังไง
เผยอิงได้แต่กินเงียบๆ ตอนแรกเธอคิดว่าการพบพ่อแม่เธอคงจะยุ่งยากพอสมควร ตอนนี้มีญาติแถมมาอีกตั้งหนึ่งโขยง ซ่งหนานชวนกลับรับมือได้ค่อนข้างดี พวกคนเหล่านี้น่ะเทียบคู่ค้าทางธุรกิจเขาไม่ติดสักนิด
“ทำไมกินแต่ข้าวเปล่าล่ะ” ซ่งหนานชวนคีบน่องไก่ใส่ชามเผยอิงแบบง่ายๆ เผยอิงแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดขอบคุณเบาๆ ก่อนกลับไปแทะน่องไก่อย่างเงียบๆ ต่อ
ถึงจะเป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆ แต่ทั้งโต๊ะก็หันมามองทั้งคู่ เผยซิวหรานหัวเราะร่าพูด “พี่เขยน่ะใส่ใจพี่จริงๆ นะ พวกคุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอครับ”
เขาแค่ถามไปอย่างนั้น ไม่คาดหวังคำตอบจากซ่งหนานชวนสักนิด “วันนี้ผมมาที่นี่ ด้วยเหตุผลนี้แหละครับ มาปรึกษาเรื่องการแต่งงานของผมกับเผยอิง”
สีหน้าของคุณและคุณนายเผยเปลี่ยนไปทันที มองหน้ากัน ก่อนที่คุณนายเผยจะพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “นี่เป็นข่าวดีมากเลยค่ะ การที่ซิวจ้วนของเราจะแต่งกับคุณน่ะ เป็นโชคดีตลอดสามรุ่นในตระกูลเผยแล้ว”
ซ่งหนานชวนยิ้มให้เธอ “กลับกัน ผมคิดว่าเป็นโชคดีของผมที่จะได้เธอเป็นภรรยามากกว่าครับ”
เผยอิง “….”
ฉันสงสัยว่าซ่งหนานชวนน่าจะเป็นคนเดียวที่พูดคำพวกนี้ได้โดยไม่เปลี่ยนโทนเสียงต่อหน้าญาติมากมายขนาดนี้
ขณะที่ซ่งหนานชวนสงบนิ่งไม่หวั่นไหว ใบหน้าเผยอิงก็เริ่มแดงขึ้น ขณะที่เผยซิวหรานชมวิธีพูดของพี่เขยไม่ขาดปาก เผยอิงก็กระแอมขึ้นมา เธอคีบคอไก่ให้ซ่งหนานชวนก่อนพูดขัด “พวกเราทานข้าวอยู่นะคะ อย่าพูดอะไรมากมายสิ”
“….” ซ่งหนานชวนมองคอไก่เหี่ยวๆ ในชามตัวเอง อย่างปวดใจ แต่เผยอิงคีบมาให้เขา เขาต้องกินมันเข้าไป
กว่าจะกินมื้อเที่ยงหมดอาหารก็เย็นพอดี พ่อแม่ของเผยอิงนั้นอยากรีบคุยกับซ่งหนานชวนเรื่องการแต่งงานไวๆ แต่มีญาติๆ จำนวนมากเกินไป เลยต้องส่งพวกเขากลับบ้านไปก่อน
ญาติๆ ที่อุตส่าห์มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับซ่งหนานชวนทั้งที ก็ไม่อยากกลับ วนเวียนๆ อยู่จนเลยบ่ายสาม จนกระทั่งเห็นว่าคุณเผยเริ่มเก็บสีหน้าหงุดหงิดไม่อยู่ ก่อนตัดสินใจกลับในที่สุด
พอพวกเขาจากไปหมด คุณนายเผยก็เชิญซ่งหนานชวนมานั่งบนโซฟา ครอบครัวมารวมตัวกันเริ่มต้นพูดคุยทางเดินเส้นใหม่ของชีวิตเผยอิง
“คุณซ่งคะ คุณคิดว่าจะจัดงานแต่งเมื่อไหร่” คุณนายเผยถามด้วยรอยยิ้มสดใส
ซ่งหนานชวนตอบ “พวกเรามาครั้งนี้เพราะผมอยากจัดการเรื่องทะเบียนสมรสให้เรียบร้อยก่อนครับ ส่วนงานแต่ง น่าจะประมาณเดือนเมษา ช่วงดอกไม้เริ่มบาน”
“ดีจ้ะ ดีมาก ฟังดูดีจริงๆ” คุณและคุณนายเผยพอใจมาก คุณนายเผยพูดต่อ “งานแต่งจะจัดที่เมือง A หรือที่นี่จ๊ะ ฉันคิดว่าจัดที่ละครั้งน่าจะดี”
ซ่งหนานชวนหัวเราะ “ผมวางแผนว่าจะจัดที่เมืองนอกน่ะครับ เผยอิงบอกว่าอยากจัดในปราสาท กับที่ริมทะเล ผมเลยว่าจะจัดสองครั้ง สถานที่น่ะเลือกไปหมดแล้วครับ”
คุณและคุณนายเผยแปลกใจ เผยซิวหรานเป็นคนแรกที่อุทานออกมาเสียงดัง “สุดยอดเลย นี่หมายความว่าฉันจะได้ไปเมืองนอก แถมไปสองรอบด้วย”
เสียงตะโกนนั้นทำให้สติที่หลุดไปของคุณนายเผยบินกลับมา “นี่จะไม่แพงเกินไปเหรอคะ”
ซ่งหนานชวนตอบ “คุณป้า คุณลุง ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายหรอกครับ ผมจะรับผิดชอบหมดทั้งสองงานเลย”
“อ้อ ถ้าเป็นแบบนี้…ก็ดีค่ะ”
คุณนายเผยพยักหน้า กำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ เผยอิงก็ขัดขึ้นมา “แม่ ทะเบียนบ้านอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
คุณนายเผยมองเธอ “พวกเรายังคุยไม่จบเลยนะ จะรีบไปไหนล่ะ”
เผยอิงนิ่วหน้า “ต้องคุยอะไรกันอีกล่ะคะ เรื่องที่ต้องคุยก็คุยไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“พวกเรายังไม่ได้คุยเรื่องสินสอดเลยนะ มันต้องมีกฎเกณฑ์อะไรที่พวกเราต้องทำตามกันบ้าง”
เผยอิงอยากจะบ้า “กฎเกณฑ์สมัยไหนกันคะเนี่ย”
ซ่งหนานชวนคว้ามือเธอไปปลอบ “แน่นอนว่าผมเตรียมสินสอดไว้แล้ว ผมติดต่อทนายผมให้เปลี่ยนชื่อที่ดินกับหุ้นบางส่วนให้เป็นชื่อเผยอิงแล้วด้วย ทุกอย่างจะเรียบร้อยหลังจากปีใหม่ครับ”
เผยอิงตัวแข็ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องนี้ “ทำไมคุณถึงให้ที่ดินกับหุ้นฉันล่ะ”
ซ่งหนานชวนตอบ “คุณป้าไม่ได้บอกอยู่เหรอว่าต้องมีสินสอดน่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้น ตามธรรมเนียมแล้วน่ะ ทั้งสินสอดและสินเดิมน่ะ พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะมอบให้ไปตั้งตัวเริ่มต้นครอบครัว แต่ฉันว่าการที่จะให้เป็นคุณป้าเพื่อที่คุณป้าจะมาให้น่ะเธอมันยุ่งยาก เลยโอนให้เป็นชื่อเธอตรงๆ เลย”
……
ทั้งห้องเงียบกริบไปชั่วครู่ สีหน้าคุณและคุณนายเผยไม่น่ามองแม้แต่น้อยนิด ซ่งหนานชวนพูดต่อ “อ้อ ถ้าคุณป้ามีสินเดิมอะไรจะให้ ก็ใส่ชื่อเผยอิงไปได้เลยนะครับ” เขาชะงัก ก่อนจบประโยค “ยังมีคำถามอะไรอีกไหมครับ”
คุณนายเผยได้สติแล้ว มองไปทางซ่งหนานชวน “ซิวหรานของเราขึ้นมหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว ทางโรงเรียนอยากให้นักศึกษาไปฝึกงาน แต่เขายังไม่เจอที่เหมาะๆเลย”
เธอกำลังคิดว่า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีส่วนในสินสอดอะไร แต่ในเมื่อเผยอิงแต่งงานแล้ว ซ่งหนานชวนก็ทิ้งครอบครัวเธอไม่ได้ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการวางอนาคตให้ซิวหรานต่างหาก
ซ่งหนานชวนเองก็เข้าใจความหมายที่คุณนายเผยจะสื่อ มองไปทางเผยซิวหรานก่อนถาม “นายเรียนเอกอะไร”
เผยซิวหรานตอบ “คอมพิวเตอร์ครับ”
ซ่งหนานชวนเลิกคิ้ว “เอาใบเกรดมาให้ฉันดูหน่อย”
เผยซิวหราน “….”
เขาหันไปมองแม่ตัวเอง
คุณนายเผยที่ได้รับสัญญาณหัวเราะน้อยๆ “ซิวหรานน่ะขี้เล่นไปหน่อย เลยไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่เขาฉลาดมากนะ คงจะช่วยเหลือคุณได้เยอะ”
ซ่งหนานชวนเองก็หัวเราะนิดๆ “เขาสอบ CET-4 หรือ CET-6 ผ่านหรือยังครับ ผมเห็นผลแบบฝึกหัดข้อสอบที่เขาทำแล้ว คะแนนแย่มากจริงๆ ผมยังอดสงสัยไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าเขาจะเรียนจบหรือเปล่า
เผยซิวหรานโดนกัดอย่างแรง แต่ความจริงก็คือความจริง เขาสอบตกหลายวิชา และถ้าเขาสอบซ่อมไม่ผ่านในเทอมหน้า เขาก็ไม่มีทางได้ใบปริญญา
คุณนายเผยยิ้มไม่ออก “ความสามารถของคนเราน่ะ วัดจากประวัติการศึกษาอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ—”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ซ่งหนานชวนก็แทรกเข้ามา “แต่ก็วัดความฉลาดของคนได้นะครับ”
คุณนายเผย “….”
ความเงียบงันครั้งใหม่เข้าปกคลุมในห้อง และซ่งหนานชวนก็เป็นคนที่ทำลายความเงียบงันนั้นในที่สุด เขาพูดกับเผยซิวหราน “นายใช้ชีวิตสี่ปีในมหาวิทยาลัย ผลาญเงินของพ่อแม่ที่พวกเขาไม่กล้าใช้กับเผยอิง แถมเรียนไม่จบแบบนี้ ฉันจะเกลี้ยกล่อมตัวเองให้เชื่อว่านายจะช่วยฉันได้ยังไง”
เผยซิวหรานที่โดนโจมตีรัวๆ ไม่หยุด ก็โมโหจนพ่นออกมาว่า “นั่นเพราะผมไม่ได้ทุ่มเทกับการเรียนอย่างจริงจังต่างหาก คุณคิดว่าสมองผมมีปัญหาจริงๆ น่ะเหรอ”
“ก็ดูเหมือนว่าใช่อยู่นะ” ซ่งหนานชวนมองเขาด้วยสีหน้าคลุมเครือ “งั้นเอาแบบนี้ล่ะกัน ถ้านายเรียนจบจริงๆ ฉันจะให้โอกาสนายมาฝึกงานที่บริษัท”
“จริงเหรอคะ” ขณะที่ซ่งหนานชวนพูด ดวงตาของคุณนายเผยก็วิบวับเป็นประกาย ก่อนเอ่ย “งั้นฉันต้องขอฝากซิวหรานไว้ในความดูแลของคุณแล้วค่ะ”
ซ่งหนานชวนหัวเราะน้อยๆ “ผมยังพูดไม่จบนะครับ คุณป้าอย่าพึ่งดีใจไป” เขาหันไปทางเผยซิวหราน “ตอนฝึกงาน นายต้องทำตามข้อกำหนดของบริษัททุกข้อ รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง ถ้าจบการฝึกงานแล้ว หัวหน้างานของนายรู้สึกว่านายไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง นายก็เข้าทำงานที่บริษัทไม่ได้”
ความกระตือรือร้นของคุณนายเผยถูกดับลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังพูดพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อคุณจะแต่งงานกับเผยอิงแล้ว ทุกคนก็คือครอบครัว คนในครอบครัวเดียวกันต้องทำให้ทุกอย่างลำบากแบบนี้ด้วยเหรอคะ ดูห่างเหินมากๆ เลย”
“ครอบครัวเหรอ” ซ่งหนานชวนหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “คุณป้าครับ คุณทำกับเผยอิงเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่”
เผยอิงที่กำลังเพลินกับการลับวาจาชะงักงัน เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าซ่งหนานชวนจะพูดเรื่องนี้ไปตรงๆ แบบนี้ คุณและคุณนายเผยที่อาจจะรู้ตัวดีว่า พวกเขาทำไม่ถูก หรือเพราะคำพูดของซ่งหนานชวนนั้นทิ่มแทงเกินไป พวกเขาเลยพูดอะไรไม่ออก
“ผมมาพบพวกคุณวันนี้ ด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น คือการที่เผยอิงเรียกพวกคุณว่าพ่อกับแม่” หลังจากซ่งหนานชวนพูดจบ เขาก็เม้มปาก ถอนหายใจ “ผมจะไม่สนใจว่าในอดีตคุณปฏิบัติกับเธอยังไง ตอนนี้มีผมคอยดูแลเธอแล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเผยอิงน่ะอ่อนไหวมาก และจะคอยดูแลสนับสนุนคุณต่อ แต่คุณไม่ควรจะคาดหวังมากกว่านั้น เผยซิวหราน ฉันอธิบายกับนายชัดเจนแล้วนะ ฉันจะไม่ให้บ้านหรือรถกับนาย แต่ถ้านายมีความสามารถพอที่จะมาทำงานในบริษัทฉัน ไม่นานเกินรอนายจะหาเงินได้มากพอที่จะซื้อของพวกนี้ แทนที่จะเป็นปลิงคอยเกาะพี่สาวนายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ นายควรพึ่งตัวเองบ้าง อย่างน้อยนายเองก็เกิดมาเป็นผู้ชายตามลักษณะทางชีวภาพ”
อย่างน้อยลักษณะทางชีวภาพก็เป็นผู้ชาย… คำพูดสุดท้ายนั้นทิ่มแทงอย่างยิ่ง เหมือนกับกำลังบอกว่า นอกจากลักษณะทางชีวภาพแล้ว เผยซิวหรานนั้นไม่ใช่ผู้ชาย
เผยซิวหรานนิ่วหน้า เม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางซ่งหนานชวน ก่อนพูด “อย่ามาดูถูกคนอื่นแบบนี้นะ เรียนจบแล้วฉันจะพิสูจน์ให้นายรู้ว่าใครไม่ใช่ผู้ชายกันแน่”