จอมเวทเจ้าสำราญ - บทที่ 89 ดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง
อากาศภายในป่าภูติมีความสดชื่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าตรู่ ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกลิ่นหอมที่เรียบง่าย และความสง่างามของดอกไม้ คละเคล้ากับกลิ่นหญ้าเขียวสด พัดโชยผ่านเข้าทางหน้าต่างห้องจนทุกคนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ยามนี้ลู่เชียนย่านอนคว่ำอยู่บนบนเตียงเท้าคาง มองหลงอีที่นอนหายใจยาวเป็นจังหวะหลับสบาย ขนคิ้วสีดำหยาบเล็กน้อยแบบคนดื้อรั้น และมุมปากที่ยกเล็กน้อยของเขาราวกับกำลังฝันอย่างมีความสุข
“คนบ้านี่..แม้แต่รอยยิ้มในขณะนอนหลับก็น่าเอ็นดูนัก” ลู่เชียนย่าพูดด้วยความหลงใหล นิ้วมือเรียวงามของนางแตะริมฝีปากของหลงอี ก่อนจะค่อยๆ ไล้ระเรื่อยไปยังจมูก ผ่านคิ้วหนา ไปยังหน้าผากกว้างซ้ำไปซ้ำมา ราวกับต้องการ สลักเค้าหน้านี้ไว้ในใจ รักของนางลึกซึ้งมาก จนแม้ชีวิตถัดไปในภพหน้าของนางก็ไม่มีวันจะลืมเขา
“ภูติน้อย ถึงแม้ว่าข้าอยากจะให้เจ้าสัมผัสข้าจนกว่าจะพอใจ แต่พี่สาวของเจ้า โหยวโหยว รออยู่ข้างนอกเป็นเวลานานแล้ว” หลงอีลืมตาขึ้น เขาพูดกับลู่เชียนย่าด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ
ลู่เชียนย่าอ้าปากค้างใบหน้างดงามแดงขึ้นทันที นางรีบกระโดดลุกขึ้นจนหน้าอกกระเพื่อม บั้นท้ายสั่นไหวคล้ายระลอกคลื่นทำเอาหลงอีมึนงงไปครู่หนึ่ง ลู่เชียนย่ารีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม นางหันกลับไปมองท่าทางมัวเมา และหลงใหลในตัวนางของหลงอี นั่นทำให้นางรู้สึกมีความสุขยิ่ง แต่ปากของนางก็บ่นพึมพำว่า “คนลามก” พูดแล้ว ลู่เชียนย่าก็เปิดประตูออก นางพบเหลิ่งโหยวโหยวยืนรออยู่ด้านนอก “พี่โหยวโหยว ทำไมพี่ไม่เคาะประตู อา?” ลู่เชียนย่าก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะดึงมือของเหลิ่งโหยวโหยวอย่างสนิทสนม
เหลิ่งโหยวโหยวรู้สึกแปลกใจ นางตอบว่า “ข้าเพิ่งมาถึงหน้าประตู แล้วเจ้าก็เปิดประตูออกมา”
ลู่เชียนย่าหันกลับมามองหลงอีอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเหลิ่งโหยวโหยวกำลังจะมา
“ภรรยาของข้า ยังไม่มาที่นี่เพื่อช่วยสามีของเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกหรือ” หลงอีกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงเผยให้เห็นสะโพกด้านล่างของเขา หลงอีน้อยที่ใหญ่ และยาวตั้งตรงราวเสาค้ำฟ้า
ผู้หญิงทั้งสองคนเดินมาด้วยใบหน้าแดง พวกนางค่อย ๆ สวมเสื้อผ้าให้หลงอี แน่นอนที่หมาป่าอย่างเขาต้องกางกรงเล็บหาเศษหาเลยกับสองสาวตลอดเวลา
“โอ้..ใช่แล้ว..หวู่ชวงไปไหนล่ะ?” หลงอีถาม
“สองวันที่ผ่านมา พี่หวู่ชวงอยู่กับแม่ของข้า เพื่อตรวจดูอาการของนาง ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หรือเราจะไปดูนางที่บ้านแม่ข้ากัน หากเจ้าต้องการ” ลู่เชียนย่าตอบขณะจัดรอยพับบนผ้าของหลงอี
หลงอีพยักหน้า เวลาสามเดือนนั้นไม่นานนัก เพราะฉะนั้นเขาจึงหวังว่าราชินีภูติจะสามารถหาวิธีในการรักษาหวู่ชวงได้
หลังจากที่ไปถึงวังของราชินีภูติ พวกเขาก็พบว่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดนั่งอยู่ข้างๆ หวู่ชวงที่ดูเฉยเมย
ทันทีที่เห็นหลงอี สีหน้าของราชินีภูติก็ดูแปลกไปแต่ในไม่ช้าก็กลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง
“ท่านแม่..พี่หวู่ชวงเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร แล้วท่านแม่ช่วยรักษาได้ไหม?” ลู่เชียนย่าเดินมายืนข้างๆ ราชินีภูติ ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย
ราชินีถอนหายใจเบาๆ นางกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “หลังจากผู้อาวุโสทั้งเจ็ดได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว พบว่าหวู่ชวงไม่ได้รับความเจ็บป่วยใดๆ แต่เป็นความทุกข์ทรมานจากคำสาปแช่งอันชั่วร้าย โชคดีที่ร่างกายของนางมีพลังจิตวิญญาณความเย็นนิรันดร์ที่คอยควบคุมมันไว้ …”
“องค์ราชินี แล้วท่าน และผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสามารถกำจัดคำสาปนี้ได้หรือไม่ ถ้าหากท่านสามารถช่วยหวู่ชวงได้ ข้าจะระลึกถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ของตระกูลภูติเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด แม้บุกน้ำลุยไฟ ข้าจะไม่ลังเลเลย ” หลงอีกล่าวด้วยความใจร้อน
ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของหลงอี การแสดงออกที่ไม่แยแสทางสายตาของหวู่ชวงแปรเปลี่ยนไป หัวใจของสาวน้อยสั่นไหว เพราะนางรับรู้ได้ว่าคำพูดของหลงอีนั้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
หลงอีชอบข้าเช่นนั้นหรือ? หวู่ชวงอดไม่ได้ ที่จะแอบคิดในใจอย่างลับๆ
ราชินีภูติมองไปที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยความชื่นชม สายตาของลู่เชียนย่าดีมาก แม้ภายนอกจะดูเหมือนคนเหลาะแหละ แต่แท้จริงแล้วเป็นคนมีคุณธรรมสูงยิ่ง
“หลงอี อย่าเพิ่งพูดถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่หรือไม่เลย อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นชาวภูติด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกันเท่าที่จะช่วยได้” ราชินีภูติ หัวเราะเบาๆ
หลงอีจ้องมองราชินีภูติ ด้วยสายตาไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูด
“เจ้าได้ค้นพบสมบัติที่มีค่าที่สุดของตระกูลภูติเรา นั่นคือ ลมหายใจแห่งธรรมชาติ หลังจากพูดคุยกับผู้อาวุโสทั้งเจ็ดแล้ว เราทุกคนยอมรับการแต่งงานของเจ้ากับลู่เชียนย่า ดังนั้นจากนี้ต่อไปเจ้าก็เป็นสมาชิกป่าภูติของเรา” ราชินีภูติกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลู่เชียนย่ารู้สึกยินดีที่ได้ยินเรื่องนี้ พลันใบหน้าของนางเบิกบานสดใส
“สำหรับคำสาปชั่วร้ายของหวู่ชวง หากเจ้าสามารถหาเลือดหนอนไหมน้ำแข็ง มาได้ภายในสามเดือน เราก็สามารถกำจัดคำสาปนี้ได้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นเราก็ไม่มีทางที่จะช่วยเหลือได้” ราชินีภูติ ถอนหายใจ
“หนอนไหมน้ำแข็ง ท่านหมายถึง สัตว์เวท ณ ดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง ระดับ SS ไหมน้ำแข็งหรูอี้ ใช่หรือไม่? หลงอีถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว นั่นล่ะหนอนไหมน้ำแข็ง หรือไหมน้ำแข็งหรูอี้ มันคือสัตวเวทธาตุน้ำ ที่อาศัยอยู่ ณ ดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง อันดับเวท ระดับ SSS อยู่ยงคงกระพัน เอาชนะได้ยากยิ่งนัก และไม่เคยมีใครหรือสัตว์เวทตัวใดสามารถเอาชนะมันได้มาก่อนในดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็งนั่น” ราชินีภูติกล่าวอย่างเห็นใจ เกิดความสงสารในแววตา นางเชื่อว่าหลงอีคงไม่สามารถฆ่าหนอนไหมน้ำแข็งและนำเลือดมันมาได้
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของราชินีภูติ หัวใจของหลงอีกระตุกทันที แม้ว่าเขาจะมีเจ้าสายฟ้าคลั่งระดับ SS
กับซุปเปอร์โครงกระดูก 19 โครงนั่น ซึ่งเขามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ถึง 70 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ทันทีที่ได้ยินว่า ระดับของมัน คือ SSS สัตว์เวทใดๆ ก็ไม่อาจที่จะเอาชนะในดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็งนั่นได้ หัวใจของเขาก็ไหวสั่น เพราะเขารู้ดีว่าช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของสัตว์เวท ระดับ SSS กับสัตว์เวทระดับ SS แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงหนึ่งระดับ แต่ความแตกต่างนั้นก็คล้ายกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก
หากแต่หลงอีจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ งั้นหรือ? ไม่ใช่แน่ๆ คนอย่างเขาเชื่อว่า ‘ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้’ และปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นได้ทุกวินาที แต่เรื่องที่สำคัญกว่าก็คือความจริงที่ว่าเขาจะนำมันกลับมาได้ทันในสามเดือน หรือไม่ต่างหาก
เพราะดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีปเฉิ้งหลาน แต่ป่าภูติตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปตามแนวเขาเหิงต้วนขึ้นไปทางเหนือ หลงอีคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ในการเดินทางไปถึงดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เวลาสองเดือนสำหรับการไป-กลับ ดังนั้นเขาจะเหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนในการค้นหาหนอนไหมน้ำแข็ง และจัดการเลือดของมัน
หลงอีลุกขึ้นยืนกล่าวอย่างสุภาพต่อราชินีภูติ “ขอบคุณท่านมาก ข้ามีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ข้าจะรีบออกเดินทางไปยังดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็งนั่น”
“เจ้าจะไปจริงๆ หรือ? สัตว์ประหลาดทุกตัวบริเวณดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง มีพลังมาก นอกจากนี้อุณหภูมิที่นั่นต่ำมากและ …… ”
แต่ก่อนที่ราชินีภูติจะพูดจบลง หลงอีก็ขัดจังหวะว่า “ไม่ว่ามีอันตรายใดๆ ตราบเท่าที่มีประกายแห่งความหวังข้าก็จะไม่ยอมแพ้”
ราชินีภูติพยักหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เมื่อเจ้ายืนยัน ข้าก็จะไม่ยับยั้งเจ้า แต่เจ้าต้องพาหวู่ชวงไปด้วยกันกับเจ้าเพราะเลือดของหนอนไหมน้ำแข็งจะมีผลก็ต่อเมื่อเจ้าใช้มันในทันที”
“แม่..ข้าอยากจะไปด้วย” ลู่เชียนย่ากล่าวอย่างร้อนใจ
“เทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าภูติเราจะมีในเร็ววันนี้ เจ้าเป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลภูติ เจ้าจะต้องเข้าร่วม” หญิงชราตนหนึ่งในหมู่ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคัดค้านขึ้นทันที แล้วผู้อาวุโสที่เหลืออีกหกตน ก็ร่วมพูดสนับสนุน
“ลู่เชียนย่า อยู่ที่นี่ เพื่อรอการกลับมาของข้า” หลงอี ลูบหัวเล็กๆ ของ ลู่เชียนย่าค่อยๆ
“แต่”
“เด็กดีต้องเชื่อฟัง” หลงอีกล่าวด้วยเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธ
ลู่เชียนย่าก้มศีรษะลง นางกุมหัวตนเอง ด้วยใบหน้าที่เห็นแล้วหดหู่ แต่นางก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ
หลังจากนั้น หลงอีก็เรียก วัวเถื่อน หวู่ชวง และ เหลิ่งโหยวโหยว พร้อมด้วยลู่เชียนย่า เดินไปที่ทางออกของป่าภูติ ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับนิก้าและพวกของนาง หลงอียิ้มให้กับนางอย่างเป็นมิตร แต่ นิก้ากลับมองหน้าเขาด้วยแววตาสังหารแทน หลงอีถูจมูกแก้เก้อโดยไม่สนใจท่าทางของนางเพราะเรื่องเมื่อคืนวานนี้อาจนับได้ว่าเขาเอาเปรียบนางเช่นกัน
ก่อนจากกัน ลู่เชียนย่าไม่อาจห้ามน้ำตาไว้ได้ ตั้งแต่วันที่นางได้พบกับหลงอี พวกเขาก็ไม่เคยแยกห่างกันนอกจากนี้นางยังมีความสุขกับความรักอันหอมหวาน จึงย่อมไม่เต็มใจที่จะห่างไกลจากเขา
“หลงอี เจ้าต้องระวังตัว และเจ้าต้องรีบกลับมา เพราะถ้าเจ้าไม่ได้กลับมาแล้ว ข้า … ข้าจะตายเพื่อเจ้า” ลู่เชียนย่ามองชายที่รักด้วยดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาท่วมท้นไปด้วยความรัก ความอาลัยอาวรณ์ นางรู้สึกขมขื่น และรวดร้าวยิ่งนัก
หลงอี กอดลู่เชียนย่า เขาลูบไล้เส้นผมที่นุ่มสลวย ขณะที่ปลอบโยนอย่างนุ่มนวล “ภูติน้อย ข้าสัญญาว่า ข้าต้องกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อข้าได้เลือดหนอนไหมน้ำแข็งแล้ว มองตาของข้าสิ หรือเจ้ายังไม่เชื่อข้า?”
ลู่เชียนย่าซุกหน้าลงในอกของหลงอี นางพยักหน้า จากนั้นก็พูดสะอึกสะอื้น “ข้าเชื่อเจ้า แต่ข้าคงคิดถึงเจ้ามาก แล้วเจ้าจะลืมข้าหรือไม่?”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร แม้ว่าข้าจะลืมตัวข้าเอง แต่ข้าจะไม่มีวันลืมภูติน้อยที่รักของข้า” หลงอียิ้มสาบานด้วยการพูดคำรักหวานๆ
ราชินีภูติถอนหายใจมองคู่รักที่กอดกัน ด้วยความคิดบางอย่าง นัยน์ตาของนางพร่า เมื่อย้อนนึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ จากนั้นนางรู้สึกผิดหวัง เมื่อเห็นลูกสาวตกหลุมแห่งความลุ่มหลง นางเองก็ไม่ทราบว่านี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
หลังจาก เดินออกมาไกลพอสมควร หลงอีอดไม่ได้ที่จะหันกลับไป เขาพบว่าลู่เชียนย่ายังคงยืนอยู่ที่เดิม และโบกมือให้เขาไม่หยุด ทันใดนั้นใจของหลงอีก็หดหู่ และอาวรณ์ หัวใจของเขารู้สึกประทับใจนางเป็นอย่างยิ่ง
***จบบท ดินแดนต้นกำเนิดน้ำแข็ง***